ก่อนหน้านี้ "เคตามีน"ได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่นสายไฮโซ ที่จะนัดปาร์ตี้กันตามร้านแบบ "รูฟท็อป" หรือสถานบันเทิงหรูยามค่ำคืนโดยวิธีการเสพมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ การสูดดมผงเคตามีนเข้าไปทางจมูก เวลาที่กลุ่มวัยรุ่นไปเที่ยวตามผับ บาร์ ต่างๆ มักจะเข้าไปเสพกันในห้องน้ำเพื่อหลบสายตาผู้คน เพราะเสพง่าย อุปกรณ์เสพไม่ยุ่งยา และใช้เวลาน้อย
กลุ่มวัยรุ่นไฮโซ จะเน้นไปที่ "เคตามีนบริสุทธิ์"เนื่องจากจะไม่มีอาการเมายาแสดงออกมา แต่จะพูดเก่งขึ้นและมีอารมณ์สนุกสนานกว่าปกติ ที่สำคัญ ไม่สามารถตรวจเจอปัสสาวะออกมาเป็น "สีม่วง" หรือ แม้แต่การตรวจหาสารเสพติดจากเส้นผมก็ยังไม่เจอว่าผ่านการเสพเคตามีนมาแล้วจึงเริ่มเป็นที่นิยมของกลุ่มวัยรุ่นไทยในวงกว้างมากขึ้น
ส่วนวิธีการเสพเคตามีนอีกรูปแบบ ก็คือการผสมในน้ำเปล่า และทำการดื่มน้ำเข้าไป แต่วิธีการเสพลักษณะนี้จะไม่นิยมในบ้านเราส่วนใหญ่จะพบในต่างประเทศ โดยเฉพาะเทศกาลดนตรีแนวเพลงแบบ "อีดีเอ็ม"
ตำรวจชุดสืบสวน ยังระบุอีกว่า ในพื้นที่เขตบางคอแหลม มีชุมชนในพื้นที่กว่า29 แห่ง ซึ่งมีชุมชนที่มีปัญหายาเสพติดถึง 4 แห่ง คือ ชุมชนบาหยัน / ชุมชนโรงแก้ว / ชุมชนสวนหลวง 1 และชุมชนบางอุทิศและจากผลการจับกุมเครือข่ายและผู้เสพยาเสพติด จะมีชื่อของชุมชนในพื้นที่สน.วัดพระยาไกร ติดอยู่ในลำดับต้นๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่การแพร่ระบาดของ "เคนมผง" จะระบาดอย่างหนักจนกลายเป็นข่าวใหญ่แบบนี้
ชนิดแรก คือ เคตามีนอยู่ในสายพันธุ์เดียวกันกับมอร์ฟีนและเฮโรอีน ซึ่งมีฤทธิ์ต่อจิตประสาท โดยทำให้หลับได้ง่ายแต่เมื่อผสมไปกับยาเสพติดอย่าง ไอซ์ ที่มีส่วนผสมของแอมเฟตามีน ออกฤทธิ์เหมือนยาบ้าจึงทำให้กดประสาท มีอาการหลอน จนมีจินตนาการ เมื่อขาดอากาศหายใจทั้งยังมีการผสมรวมกันกับ "โรเซ่" ซึ่งเป็นยานอนหลับ เมื่อมาเสริมฤทธิ์กันก็ทำให้สลบไม่สามารถหายใจได้จึงเสียชีวิตในที่สุด
"ข่าวข้นคนข่าว" ได้สอบถามกับนายเอกภพเหลืองประเสริฐ ผู้ช่วย ส.ส.เขตสายไหม และเคยเป็น กก.ตร.สน.สายไหม เปิดเผยว่ายาเสพติด ประเภท "เคนมผง" มีการแพร่ระบาดในพื้นที่ลำลูกกา และ สายไหม อย่างมากโดยเฉพาะเทศกาลปีใหม่เป็นต้นมา มีกลุ่มวัยรุ่นเริ่มหันมานิยมใช้เคนมผงมากขึ้นซึ่งเชื่อว่า หากยังไม่มีการทลายเครือข่ายแก๊งเคนมผงอาจจะมีคนเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นนับร้อยคนในไม่ช้า