svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

กรมการพัฒนาชุมชนดึงรัฐ-เอกชนลุยยกระดับสินค้า36ผลิตภัณฑ์

06 มกราคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กรมการพัฒนาชุมชน ขับเคลื่อน โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ หลังประสบความสำเร็จกับ "โคก หนอง นา ป่าลำไย ลุ่มน้ำน่าน" ที่ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกลำไยจังหวัดน่าน จนพัฒนาผลิตภัณฑ์ แข่งขันได้ในตลาดสากล ตั้งเป้าให้เกิด " Premium Product of Thailand " ในทุกภาคของประเทศ 36 ผลิตภัณฑ์

กรมการพัฒนาชุมชนดึงรัฐ-เอกชนลุยยกระดับสินค้า36ผลิตภัณฑ์








นายสุทธิพงศ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เปิดเผยว่า ปลายเดือนธันวาคม กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ,สำนักงานคณะกรรมอาหารและยา , มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ,จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,มหาวิทยาลัยขอนแก่น,มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ,สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ,สมาคมศิษย์เก่าคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น ,บริษัทเขาใหญ่ พาโนราม่า วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ,บริษัทไทธนบุรี คอร์ปอเรชั่น จำกัด,และบริษัท เอิร์ธแคร์ อินโนซิส จำกัด ได้ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล ขั้นก้าวหน้า " Premium Product of Thailand ในทุกภูมิภาคของไทย"





กรมการพัฒนาชุมชนดึงรัฐ-เอกชนลุยยกระดับสินค้า36ผลิตภัณฑ์








การลงนามความร่วมมือดังกล่าวเกิดขึ้นอันมาจากความสำเร็จของโครงการ "โคก หนอง นา ป่าลำไย ลุ่มน้ำน่าน" ที่กรมการพัฒนาชุมชน ได้ร่วมมือทำกับ 16 หน่วยงานในพื้นที่จังหวัดน่าน ด้วยการน้อมนำเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกลำไยในพื้นที่จังหวัดน่าน เริ่มผลิตเป็นลำไยอินทรีย์ให้ได้มาตรฐาน พร้อมสนับสนุนตลาดผู้รับซื้อทำให้มีพื้นที่ของเกษตรกรผู้ปลูกลำไยอินทรีย์เพิ่มจำนวนมากขึ้น และมีผลผลิตที่สามารถใช้นวัตกรรมทางการเกษตรในการแปรรูป ต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพดี สามารถแข่งขันได้ในตลาดสากล เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตผลทางการเกษตร






กรมการพัฒนาชุมชนดึงรัฐ-เอกชนลุยยกระดับสินค้า36ผลิตภัณฑ์









เป็นการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยที่ถูกต้อง ด้วยการส่งเสริม สนับสนุน และต่อยอดผลิตผลทางการเกษตรขั้นต้น สู่งานวิจัยและพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง เพื่อให้เกิด" Premium Product of Thailand " ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ภาคละ 9 ผลิตภัณฑ์ รวมเป็น 36 ผลิตภัณฑ์

กรมการพัฒนาชุมชนดึงรัฐ-เอกชนลุยยกระดับสินค้า36ผลิตภัณฑ์

กรมการพัฒนาชุมชนดึงรัฐ-เอกชนลุยยกระดับสินค้า36ผลิตภัณฑ์


โดยขั้นตอนแล้ว จะทำการถ่ายทอดเทคโนโลยีรวมถึงการสร้างโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์ ที่ได้จากงานวิจัยให้กับวิสาหกิจเพื่อสังคมที่ถูกคัดเลือก จากพื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต (Community Lab Model for quality of life :CLM) ภาคละ 9 แห่ง ให้เข้าร่วมโครงการดำเนินการแปรรูป และผลิต จนเกิดเป็น Premium Product of Thailand จากนั้นส่งต่อให้ทีมการตลาด นำเสนอผลิตภัณฑ์ออกจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ





กรมการพัฒนาชุมชนดึงรัฐ-เอกชนลุยยกระดับสินค้า36ผลิตภัณฑ์






สำหรับความร่วมมือที่เกิดขึ้น กรมการพัฒนาชุมชนจะทำหน้าที่ประสานพื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบ สนับสนุนประชาสัมพันธ์เพื่อให้ชุมชนเกิดความเข้าใจในการร่วมโครงการ ส่วนสำนักงานอาหารและยา จะเข้ามาส่งเสริมให้คำแนะนำการขั้นทะเบียน หรือการจดแจ้งผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานให้สามารถแข่งขันในระดับสากลได้ ขณะที่มหาวิทยาลัยในแต่ละภูมิภาคจะทำหน้าที่สนับสนุนงานด้านวิชาการและงานวิจัยขั้นก้าวหน้าเพื่อพัฒนาสินค้านวัตกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านนวัตกรรมจากผลผลิตทางการเกษตรภาคละ 9 ผลิตภัณฑ์





กรมการพัฒนาชุมชนดึงรัฐ-เอกชนลุยยกระดับสินค้า36ผลิตภัณฑ์







สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จะทำหน้าที่สนับสนุนด้านกระบวนการแปรรูป ออกแบบขั้นตอนและกระบวนการผลิตในโครงการ สำหรับสมาคมศิษย์เก่าคณะวิศวะกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จะให้การสนับสนุนและให้คำปรึกษางานด้านการสร้างโรงงานและติดตั้งเครื่องจักร โดยบริษัทเอกชนนั้น บริษัท เขาใหญ่ พาโนราม่า วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด จะเข้ามาสนับสนุนงานด้านการจัดตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคมให้ชุมชน และสนับสนุนงานด้านการตลาดและการจัดจำหน่ายภายในประเทศ




กรมการพัฒนาชุมชนดึงรัฐ-เอกชนลุยยกระดับสินค้า36ผลิตภัณฑ์






บริษัท ไทธนบุรี คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้สนับสนุนด้านการตลาดต่างประเทศ และบริษัท เอิร์ธแคร์อินโนซิส จำกัด จะเป็นผู้ให้การสนับสนุนงานด้านการถ่ายทอดความรู้ ขั้นตอน และวัสดุภัณฑ์ในการทดสอบสารเคมีตกค้างในดิน ในแหล่งน้ำและในผลิตทางการเกษตร สำหรับกรอบเวลาการทำงานร่วมกันภายใต้บันทึกความร่วมมือครั้งนี้มีผลการทำงานร่วมกัน ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2563สิ้นสุดในวันที่ 23 ธันวาคม 2564 โดยจะมีการประเมินผลการทำงานร่วมกันเป็นระยะ เพื่อผลสัมฤทธิ์ของการทำงานร่วมกันทั้งภาครัฐ เอกชนและชุมชน เกิดเป็นความร่วมมืออย่างยั่งยืนในที่สุด

logoline