คณะผู้เลือกตั้งหรือที่เรียกกันว่า electoral college จากทั่วทุกรัฐของสหรัฐได้ลงคะแนนรับรองนายโจ ไบเดนให้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนต่อไปด้วยคะแนน 306 ซึ่งถือว่ามากกว่าขั้นต่ำ 270 เสียงที่จำเป็นต้องได้เพื่อให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ในขณะที่ทรัมป์ได้ 232 คะแนน ส่งผลให้นายโจ ไบเดน และ นางกมลา แฮร์ริส จะได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม ปีหน้า
ระบบการเลือกตั้งที่ซับซ้อนของสหรัฐน้้นย้อนกลับไปถึงทศวรรษ 1780 ซึ่งผู้สมัครที่จะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐนั้นไม่ได้ตัดสินจากชัยชนะจากการลงคะแนนเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนหรือที่เรียกว่าป็อบปูล่า โหวต แต่ต้องผ่านระบบคณะผู้เลือกตั้งจาก 50 รัฐหรือที่เรียกว่า รวมถึง District of Columbiaโดยจำนวนคณะผู้เลือกตั้งก็มาจากขนาดของจำนวนประชากรในแต่ละรัฐนั่นเอง อย่างเช่นในรัฐที่มีการแข่งขันหาเสียงกันสูงหรือที่เรียกว่ารัฐสมรภูมิซึ่งไม่ชัดเจนว่าเป็นฐานเสียงของพรรคใด แต่มีผลในการชี้ขาดชัยชนะ ซึ่งในครั้งนี้รวมถึงรัฐจอร์เจีย มิชิแกน มีคณะผู้เลือกตั้งรัฐละ 16 คน และเนวาด้า 6 คน
บัตรลงคะแนนของคณะผู้เลือกตั้งจะถูกส่งไปยังกรุงวอชิงตันเพื่อนับคะแนนในวันที่ 6 มกราคมซึ่งจะมีการประชุมร่วมในสภาคองเกรสของสหรัฐโดยมีรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ เป็นประธาน
แม้ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการจะคว่ำผลการเลือกตั้งในครั้งนี้เพราะมองว่ามีการโกงการเลือกตั้ง แต่เมื่อผลเลือกตั้งเข้าสู่สภาคองเกรสแล้วไม่มีกลไกทางประชาธิปไตยใดๆที่จะเปลี่ยนผลการเลือกตั้งได้ เว้นเสียแต่สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรและคณะผู้เลือกตั้งจะไม่ปฏิบัติตามเจตนารมย์ของประชาชนที่ลงคะแนนเลือกตั้ง และเนื่องจากพรรคเดโมแครตได้ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฏรอยู่ในขณะนี้ โอกาสที่จะมีการพลิกผลการเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นไปไม่ได้เลย