
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ร่วมกับ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) จัดเสวนา "บทบาทของพรรคการเมืองที่มีต่อการยกระดับคุณภาพอากาศสำหรับประเทศไทย" โดยมีตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคภูมิใจไทย รวมถึงนักวิชาการ และตัวแทนองค์กรต่างๆ เพื่อยกระดับคุณภาพอากาศและแก้ปัญหานี้โดย ศ.ดร.ศิวัช พงษ์เพียจันทร์ ผู้อำนวยศูนย์วิจัยและพัฒนาการป้องกันและจัดการภัยพิบัติ (นิด้า) เปิดเผยถึงผลกระทบโดยตรงจาก ฝุ่น PM 2.5 ที่ทำให้เกิดสารก่อมะเร็ง โรคความดัน โรคเบาหวาน และอีกหลายโรคที่มีผลรุนแรงต่อร่างกายจนทำให้จำนวนประชากรในโลกเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งฝุ่น PM 2.5 ยังเชื่อมโยงไปถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่พบว่าขณะมีการแพร่ระบาดของโรคในประเทศไทย แล้วประชาชนส่วนใหญ่ต้องทำงานอยู่ที่บ้าน หรือ work from home ทำให้คุณภาพอากาศในกรุงเทพดีขึ้นมาก
ผศ.ดร.รณบรรจบ อภิรติกุล อาจารประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา มองว่า สาเหตุของปัญหามาจากยานพาหนะ ซึ่งทางแก้ไขปัญหา สามารถแก้ที่ต้นเหตุกับปลายเหตุ หากแก้ที่ต้นเหตุ คือ ลดการเผาชีวมลจากภาคเกษตร การปล่อยมลพิษภาคอุตสาหกรรม และการขนส่ง แต่หากเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ทุกคนควรใส่หน้ากากอนามัย N 95
ขณะที่ ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ เสนอในวงเสวนาให้มีการร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. ... เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างยั่งยืน โดยเนื้อหาของร่างกฎหมายนี้ คือ การจับกุมผู้ที่ปล่อยมลพิษในอากาศ เปลี่ยนจากการเก็บภาษี เปลี่ยนเป็นการจ่ายค่าธรรมเนียมการจอดรถหรือใช้รถยนต์ในเมืองที่รถหนาแน่น เก็บค่าธรรมเนียมจากการปล่อยก๊าซพิษส่วนการเก็บภาษี เสนอให้เก็บภาษีรถยนต์ดีเซลให้เท่ากับรถยนต์เบนซิน เก็บภาษีอาคารที่มีที่จอดรถ เพราะอาคารเหล่านี้สะท้อนการสนับสนุนให้คนใช้รถยนต์
ด้าน ผศ.ดร.กฤษฎากร ว่องวุฒิกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ นิด้า มองว่าปัญหามลพิษ PM 2.5 เป็นการกระทบสิทธิของบุคคลและชุมชน ซึ่งระหว่างการรอ ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดเกิดขึ้น ให้ภาครัฐนำเอากฎหมายที่มีอยู่มาใช้อย่างเข้มงวด ตั้งแต่มาตรการทางกฎหมายในการป้องกัน เช่น อุปกรณ์ในการป้องกันมลพิษ ฐานข้อมูลการปล่อยมลพิษภาคอุตสาหกรรมและการขนส่ง โดยให้หน่วยงานทุกภาคส่วนทั้งระดับชาติและท้องถิ่นช่วยกันดูแล หากเกิดมลพิษเกิดขึ้นภาครัฐก็ต้องบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างจริงจัง รวมถึงการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบหลังเกิดภาวะมลพิษนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การออกกฎหมายของรัฐสภาในปัจจุบันแข็งกระด้าง ขาดหลายมิติที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการแก้ไขปัญหา อย่างปัญหานี้การที่รัฐสภาเอาหลักเศรษฐศาสตร์มาผนวกรวม เพื่อออกกฎหมายอาจจะทำให้ปัญหาแก้ได้อย่างตรงจุด โดยพรรคภูมิใจไทยได้ยื่นเสนอร่างกฎหมายอากาศสะอาด เพื่อประชาชนไปหลายเดือนแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ
ส่วน น.ส.ภาดาร์ วรกานนท์ ส.ส.กรุงเทพ พรรคพลังประชารัฐ เห็นด้วยกับการร่างกฎหมายอากาศสะอาด และเชื่อไม่ว่าจะพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านทุกคนก็เห็นด้วย แต่ทุกวันนี้หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายพื้นฐานก็สามารถป้องกันปัญหาได้ส่วนหนึ่งแล้ว เช่น กฎหมายการจราจรทางบก แต่กลับไม่ได้ถูกบังคับใช้เท่าที่ควร
นายจักรพงษ์ ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จะเตรียมนำเอาปัญหาการเผ่าพืชไร่เข้าสู่การประชุมสภาฯ เพื่อรับทราบถึงต้นตอของปัญหานี้ พร้อมเสนอให้ภาคเกษตรกรรมนำนวัตกรรมใหม่เพื่อแก้ไขฝุ่น PM 2.5 โดยการใช้เทคโนโลยีทั้งระบบ และให้ทุกภาคส่วนทั้งในประเทศไทย และในอาเซียนมาร่วมพูดคุยกันเรื่องมลพิษข้ามแดน