14 ธันวาคม 2563 ที่ห้องพิจารณา 808 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดพร้อมคู่ความคดีแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ชุด RDN50 หมายเลขดำ อ.1197/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นาย รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะอดีตแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เป็นจำเลย
ในข้อหา ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญฯ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และร่วมกันมั่วสุมชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คน ในที่สาธารณะ ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2558
กรณีจำเลยกับพวก จัดชุมนุมเรียกร้องขอให้รัฐบาลจัดการเลือกตั้ง ส.ส. ภายในเดือนพฤศจิกายน 2561 และต่อต้านรัฐบาล คสช. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2561 โดยจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว
- "บิ๊กตู่" ส่งหนังสือแสดงความยินดีถึง "โจ ไบเดน" ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา คนที่ 46
- "ครูตั้น"รับภรรยาเสนอตัวลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกรุงเทพ
- กมธ.เตรียมเพิ่มวันพิจารณาแก้ไขรธน.ให้เสร็จทันก่อนปิดสมัยประชุม
ในวันนี้ อัยการโจทก์, นายรังสิมันต์ จำเลย เดินทางมาศาลพร้อมทนายความ อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาคดีนี้ อัยการได้ยื่นถอนฟ้องนายรังสิมันต์ จำเลย เนื่องจากเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2562 ศาลมีคำสั่งให้นำคดีหมายเลขดำ อ.2893/2561 มารวมพิจารณาเข้ากับสำนวนคดีนี้ เนื่องจากทั้งสองคดี เหตุเกิดในวันเดียวกัน พยานหลักฐานชุดเดียวกัน ต่อมาศาลมีคำสั่งให้แยกการพิจารณาคดีในส่วนของนายรังสิมันต์ จำเลยที่ 1 กับคดีของจำเลยที่ 2-7 ออกจากกัน
ต่อมาศาลมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2-7 ในคดีหมายเลขดำ อ.2893/2561 โจทก์ไม่อุทธรณ์ โดยอัยการสูงสุดได้ชี้ขาดความเห็นแย้งไม่อุทธรณ์ คดีถึงที่สุดแล้ว จึงเป็นกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้วว่าการกระทำของจำเลยที่ 2-7 พวกของจำเลยไม่เป็นความผิด
เมื่อจำเลยคดีนี้ถูกฟ้องว่าร่วมกระทำความผิดฐานเดียวกันกับจำเลยที่ 2-7 ในคดีดังกล่าว วันและเวลาเกิดเหตุเป็นวันเดียวกัน มีมูลเหตุคดีมาจากเหตุเดียวกัน และมีพยานหลักฐานที่โจทก์ใช้ในการสืบพยานชุดเดียวกัน ถือเป็นเหตุลักษณะคดี โจทก์จึงขอถอนฟ้องนายรังสิมันต์ จำเลยคดีนี้ออกจากสารบบความ โดยศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ถอนฟ้อง จำหน่ายออกจากสารบบความ
ภายหลังเสร็จสิ้นการพิจารณา นายรังสิมันต์ ให้สัมภาษณ์ว่า คดีนี้เดิมมีจำเลย 7 คน แต่ตนเป็น ส.ส. ในช่วงประชุมสภา จะพิจารณาคดีในสมัยประชุมไม่ได้ ทางศาลเลยแยกตนออกมาพิจารณา ทำให้ทั้ง 6 คนถูกพิจารณาไปก่อน และมีผลออกมาว่ายกฟ้อง ทางอัยการได้ตัดสินใจถอนฟ้อง เพราะคดีก่อนหน้านี้ 6 คน ศาลยกฟ้องไปแล้ว พยานหลักฐานอย่างเดียวกัน อัยการจึงยื่นคำร้องถอนฟ้องคดีนี้ ถือว่าจำหน่ายออกจากสารบบ นอกจากนี้ ในวันที่ 25 ธันวาคมนี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดอ่านพิพากษาคดีแกนนำคนอยากเลือกตั้ง ชุด MBK39 (กรณีชุมนุมบริเวณสกายวอล์ค แยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2561)
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า อดคิดไม่ได้ว่าคดีที่เราโดนเนื้อหาคดีเกี่ยวกับมาตรา 116 ในยุคปัจจุบันเป็นมาตรายอดฮิต แต่คดีที่ใช้มาตรา 116 แล้วตัดสินเป็นโทษมีสักกี่คดี ส่วนใหญ่คนที่เป็นแกนนำคนอยากเลือกตั้งรอดหมด แล้วทำไมเราถึงยังใช้มาตรา 116 ในลักษณะคดีแบบเดิม เหมือนกับทางตำรวจไม่สนใจเลยว่าการใช้มาตรา 116 เป็นไปตามแนวทางที่ศาลพิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ ทำให้สุดท้ายอดคิดไม่ได้ว่าการดำเนินการของตำรวจเป็นไปเพื่อให้เป็นภาระทางคดี ต้องมาขึ้นศาล อยากให้ตำรวจคิดให้ดีว่าการดำเนินคดีแบบนี้ มีแต่ทำให้คนตั้งคำถามต่อกระบวนการที่เกิดขึ้นว่ามีความมุ่งหมายในการปกป้องรัฐบาล ถ้าเป็นแบบนี้ความน่าเชื่อถือของพนักงานสอบสวนก็จะไม่มี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดิมคดีนี้มีจำเลยรวมทั้งหมด 7 คน มีนายรังสิมันต์ เป็นจำเลยที่ 1 ต่อมานายรังสิมันต์ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. จึงมีเอกสิทธิ์คุ้มครองในสมัยประชุมสภา ทำให้มีการแยกสำนวนพิจารณาคดีออกจากกัน โดยนำจำเลยอีก 6 คน ไปเป็นคดีหมายเลขดำ อ.2893/2561 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้องนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว, นายกาณฑ์ พงษ์ประภาพันธ์, นายอานนท์ นำภา, น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์, นายสุกฤษฏิ์ เพียรสุวรรณ และ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด คดีดังกล่าวศาลอาญาได้มีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยไปเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2562 ซึ่งอัยการไม่อุทธรณ์ต่อ คดีถึงที่สุด