ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.63 "นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล" อดีตเอกอัครราชทูตไทย ได้โพสต์ข้อความ เล่าเรื่องราวของเพื่อน เกี่ยวกับลูกสาวที่เคยร่วมม็อบแต่ หลังจากได้ฟัง "ดร.อานนท์" ในรายการ "จอมขวัญ" ก็เปลี่ยนไป ไม่สนใจการเมืองอีก โดยมีข้อความระบุดังนี้...
ได้สอบถามสารทุกข์สุกดิบเพื่อนอาจารย์ท่านนึง ที่ครั้งก่อนเคยมาปรับทุกข์เรื่องลูกสาวออกไปร่วมม็อบ จนทะเลาะกันบ้านแทบแตก
ถามว่าลูกสาวยังออกไปร่วมม็อบอยู่อีกหรือเปล่า ? เพื่อนผมตอบพร้อมอมยิ้มว่า มันเลิกไปนานแล้ว ตอนนี้ก็ไม่สนใจอะไร ไม่ชวนพ่อทะเลาะเรื่องการเมืองเหมือนก่อน ดูเงียบๆจ๋อยๆไป
ก็เลยบอกเพื่อนไปว่า เด็กเขาเลยจุดพีคไปแล้ว เวลาผ่านไปยิ่งนานวัน ยิ่งทำให้เขาเริ่มคิดไตร่ตรองได้เอง (ถ้าเด็กมีเหตุผลเพียงพอ) ประกอบกับมีหลักฐานข้อเท็จจริงออกมา "หักล้าง" สิ่งที่แกนนำม็อบเด็กปั่นขึ้นมา
เพื่อนผมบอกว่าลูกสาวเขาดูรายการที่ อจ.ดร.อานนท์ ไปออกรายการดีเบทกับรุ้ง + จอมขวัญ จากนั้นก็ดูเงียบไปเลย
ผมเลยบอกว่าดีแล้ว ดีใจด้วยที่เขาได้ลูกสาวกลับมา ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่ 100 % ก็อย่าไปคาดคั้นอะไรเขา สักวันนึง เขาก็จะกลับมาเป็นลูกสาวคนเดิมแน่นอน
จริงๆแล้วอยากพูดว่า ม๊อบราษฎร น่ะเสียแนวร่วมเด็กๆไปเยอะมากแล้ว การชุมนุมแต่ละครั้งยอดก็ลดลงเรื่อยๆแบบน่าใจหาย ไอ้ที่ยังพอเย้วๆอยู่ได้ทุกวันนี้ก็ได้กองกำลังเสื้อแดงอิสระฮาร์ดคอร์ที่เข้ามาเสริม 80-90 %
ตอนนี้จะลงก็ลงไม่ได้ กลัวเสียหน้า ก็เลยต้องดันทุรังจัด event ปิดถนนไปพลางๆให้คนด่าเล่นๆ เปรียบเหมือนเผาหลอกไปแล้ว รอเวลาเผาจริงเท่านั้นเอง
ส่วนพวกโลกสวยศิลปิน ดารา นักร้อง นางงาม ที่เคยออกมาติดแฮชแท็คเรียกร้องหยุดความรุนแรงก็พลอยเงียบไปด้วยอย่างน่าใจหาย
ก็น่าสงสารนะที่เผลอออกตัวกันแรงๆจนมากเกินไป ก็คงต้องจำไว้เป็นอุทาหรณ์ว่าการเมืองไทยน่ะ ต้องดูกันนานๆ อย่าเพิ่งรีบออกตัว หรือไม่จำเป็นก็วางเฉยไว้ยังเสมอตัวกว่า
ขอแนะนำว่ายังพอมีโอกาสแก้ตัว ก็ด้วยการมาช่วยกันแจก "ดอกไม้จันท์" ตอนเผาจริง ถือซะว่าช่วยทำบุญส่งวิญญาณครั้งสุดท้ายก็คงไม่สายเกินไป.