ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาอ่านคำวินิจฉัยเพียง 21 นาที ก่อนสรุปว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าพักและอาศัยอยู่ในบ้านพักทหาร ซึ่งเป็นบ้านรับรองของกองทัพบก ทั้งๆ ที่เกษียณอายุราชการมานานถึง 6 ปีแล้วนั้น ไม่ได้เป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม หรือที่เรียกกันติดปากว่า "ผลประโยชน์ทับซ้อน" ทำให้ไม่ขาดคุณสมบัติ จนต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามที่ฝ่ายค้านยื่นคำร้อง
แม้คดีนี้จะจบลงไปแล้ว แต่เสียงวิจารณ์ยังไม่จบ โดยเฉพาะ 2 ประเด็นใหญ่ๆ คือ
1. งานนี้ศาลมองว่าระเบียบของกองทัพบก ใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญหรืออย่างไร เพราะรัฐธรรมนูญสั่งห้ามรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด แต่ศาลบอกว่ารับได้ เนื่องจากมีระเบียบของกองทัพรองรับ
ประเด็นนี้ หากพิจารณาจากคำวินิจฉัยของศาลแล้ว ศาลไม่ได้บอกว่าระเบียบของกองทัพใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ เพียงแต่ข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 (3) นั้น ห้ามรัฐมนตรี หรือนายกฯ รับเงินหรือประโยชน์ใดๆ จากหน่วยงานราชการ "เป็นพิเศษ" นอกเหนือไปจากที่หน่วยราชการปฏิบัติต่อบุคคลอื่นๆ ในธุรกิจการงานปกติ นี่คือบทบัญญัติของกฎหมาย ซึ่งต้องขีดเส้นใต้คำว่า "เป็นพิเศษ" เอาไว้
พูดง่ายๆ ก็คือ การรับเงิน หรือ "ประโยชน์ใดๆ" จากหน่วยราชการ หน่วยงานรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ก็ยังคงรับได้ แต่ต้องไม่ใช่รับ "เป็นพิเศษ" กว่าที่หน่วยราชการปฏิบัติต่อบุคคลอื่น ซึ่งเรื่องนี้ทางกองทัพชี้แจงว่าระเบียบมีอยู่เดิมแล้ว อนุญาตให้อดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูง เข้าพักในบ้านพักรับรองของกองทัพได้ และสนับสนุนค่าน้ำค่าไฟด้วย
ฉะนั้นเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นอดีตผู้บังคับบัญชา และทำคุณประโยชน์ต่อบ้านเมือง ก็เลยเข้าเกณฑ์ตามระเบียบนี้ และแม้จะเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาคนอื่น หากมีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์แบบเดียวกัน ก็จะได้รับการสนับสนุนเหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ คนเดียวเพราะการจะเรียกว่า "ผลประโยชน์ทับซ้อน" ต้องได้มากเป็นพิเศษ จากการใช้ตำแหน่งหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ดังนั้น เรื่องนี้จึงสรุปไม่ได้ว่า คำวินิจฉัยของศาล ทำให้ระเบียบของกองทัพบกใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ ตามที่มีบางฝ่ายออกมาวิจารณ์
ประเด็นที่ 2 เป็นคำถามที่หลายฝ่ายยังคาใจ ก็คือ บ้านพิษณุโลก ซึ่งเป็นบ้านพักรับรองประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปิดซ่อมจริงหรือไม่ ทำไมถึงซ่อมนานเหลือเกินโดยประเด็นนี้ "ทีมข่าวเนชั่นทีวี" ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบช่วง 1 วันก่อนศาลอ่านคำวินิจฉัย ได้รับคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ว่า บ้านพิษณุโลกปิดซ่อม แต่ห้ามเข้าไปถ่ายภาพขณะเดียวกัน เว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา ได้เปิดข้อมูลเกี่ยวกับการจัดจ้างเพื่อก่อสร้างปรับปรุงบ้านพิษณุโลก พบว่ามีงานว่าจ้างที่เกี่ยวข้องกับบ้านพิษณุโลก ตั้งแต่ปี 2558 - 2563 จำนวน 23 โครงการ รวมวงเงินกว่า 160 ล้านบาท โดยงานจ้างเพื่อก่อสร้างปรับปรุง เช่น งานตกแต่งภายใน สร้างโรงรถ ปรับปรุงศาลาแปดเหลี่ยม ปรับปรุงรางระบายน้ำ ฯลฯ
โดยสัญญาล่าสุด ระยะที่ 3 ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดสัญญาเมื่อปลายปีที่แล้ว คือ วันที่ 10 ธ.ค. 2562หลังจากนั้น ยังมีงานจัดซื้อจัดจ้างอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับบ้านพิษณุโลกต่อเนื่องมา เป็นงานติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด และบำรุงรักษาสวน ทำความสะอาด
สรุปว่าบ้านพิษณุโลกมีการซ่อมแซมปรับปรุงจริงตลอด 6-7 ปีที่ผ่านมา แต่การซ่อมแซมปรับปรุงนั้น เป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดเข้าไปอาศัยอยู่ไม่ได้เลยหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตามตรวจสอบกันต่อไป