3 แม่ลูกตระเวนยืมของวัด อ้างเปิดโรงทานแต่นำไปเร่ขายตลาดนัด
สมุทรปราการ-จับ 3 แม่ลูกขับรถกระบะตระเวนยืมของวัดประเภทอุปกรณ์ประกอบอาหาร อ้างจะนำไปเปิดโรงทาน แต่เมื่อครบกำหนดคืนกลับติดต่อไม่ได้จึงเข้าแจ้งความ ผู้ต้องหารับสารภาพทำมาแล้ว 5 วัด อ้างเดือดร้อนขายเสื้อผ้ามือสองไม่ได้เพราะสถานการณ์โควิด จนต้องไปกู้เงินนอกระบบร้อยละ20 เพื่อเอามาส่งค่าเทอมให้หลาน 6 คน และต้องส่งดอกทุกวัน
2 ธันวาคม 2563 พ.ต.ท.วิรัช อินทร์ศักดิ์ สวป.สภ.เมือง สมุทรปราการ นำกำลังเข้าจับกุมสามแม่ลูกที่ร่วมกันตระเวนยืมของวัดและนำไปขายตามตลาดนัด ประกอบด้วย นางสาว วาสนา วัฒนสุข อายุ 52 ปี ผู้เป็นแม่ นางสาวอดุลยา ลงยา อายุ 33 ปี และ นางสาวมัลลิกา ลงยา อายุ 30 ปี ผู้เป็นลูกสาว พร้อมด้วยของกลางประเภทหม้อแกงขนาดใหญ่จำนวน 5 ใบ หม้อหุงข้าวไฟฟ้าขนาดใหญ่จำนวน 1 ใบ พัดลมตั้งพื้นกลางแจ้ง 1 ตัว เก้าอี้พลาสติกสีแดงจำนวน 27 ตัวและอุปกรณ์ในการประกอบอาหารอีกจำนวนหนึ่ง รถยนต์กระบะ ทะเบียนราชบุรี ที่ใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุ
โดยจับกุมได้ที่บ้านหลังหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ โดยมีพระอธิวัฒน์ ซึ่งเป็นพระลูกวัดของวัดโพธิ์ยาราม หรือวัดทองคง และคณะกรรมการวัดชี้ยืนยันให้จับกุม ก่อนคุมตัวพร้อมของกลางมาทำการสอบสวนที่โรงพัก สภ.เมืองสมุทรปราการ
พระอธิวัฒน์ เล่าว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุทั้งสามได้ขับรถยนต์กระบะเข้าไปที่วัด และติดต่อขอยืมของทางวัดประเภทอุปกรณ์ในการประกอบอาหาร โดยอ้างว่าจะนำไปเปิดโรงทาน โดยมีกำหนดส่งคืนสิ่งของไม่เกิน 3 วัน ซึ่งทางวัดก็ได้มีการถ่ายรูปบัตรประชาชนทั้งสามแม่ลูกไว้เป็นหลักฐานพร้อมกับเบอร์โทรติดต่อ แต่หลังจากนั้นเวลาผ่านไปหลายวันผู้ก่อเหตุทั้งสามกลับไม่นำของวัดที่ยืมไปมาคืน และเมื่อติดต่อไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่ให้ไว้กลับติดต่อไม่ได้ จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ไว้
ก่อนนำเรื่องราวไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊กเพื่อให้ญาติโยมช่วยกันหาเบาะแส จนมีคนแจ้งเบาะแสมาว่าพบเห็นสามแม่ลูกรายนี้กำลังช่วยกันนำข้าวของที่คาดว่าจะเป็นของทางวัดเข้าไปเก็บในบ้านหลังหนึ่งไม่มีเลขที่ซึ่งอยู่ในชุมชนซอยบ่อน้ำยั่งยืน ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พระลูกวัดพร้อมกับคณะกรรมการพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางมายังบ้านหลังดังกล่าวตามที่ได้เบาะแสมา ได้พบผู้ก่อเหตุทั้งสามซึ่งเป็นแม่ลูกกันอยู่ภายในบ้าน และของกลางทั้งหมดวางอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการจับกุมตัวผู้ก่อเหตุทั้งสามเอาไว้ได้พร้อมของกลางที่ก่อเหตุมา
จากการสอบสวนนางสาววาสนา ผู้เป็นแม่ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันตระเวนก่อเหตุดังกล่าวจริงโดยทำมาแล้วจำนวน 5 วัด ในพื้นที่ อำเภอเมือง อำเภอพระประแดง และอำเภอบางพลี โดยก่อนหน้านี้ตนและลูกสาวทั้งสองมีอาชีพรับซื้อเสื้อเก่าของชาวบ้านมาซักและรีดก่อนที่จะไปขายตามตลาดนัด โดยเฉพาะตลาดนัดหน้าที่ อบต.เทพารักษ์ ซึ่งตนและลูกสาวจะไปขายประจำทุกวันอาทิตย์
จนกระทั่งในช่วงที่โควิดระบาดการขายเสื้อมือสองเริ่มขายไม่ดี เนื่องจากชาวบ้านกลัวในเรื่องเชื้อโควิดจึงทำให้เงินไม่พอใช้และไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมให้กับหลานซึ่งเป็นลูกของลูกสาวของตนทั้งสองที่มีอยู่ด้วยกัน 6 คน อายุตั้งแต่ 2 ขวบครึ่งไปจนถึงอายุ 14 ปี ซึ่งยังเรียนหนังสือกันทุกคนจนต้องไปกู้เงินนอกระบบดอกเบี้ยร้อยละ 20 มาจ่ายค่าเทอมให้ ซึ่งต้องส่งดอกเบี้ยทุกวัน ทำให้ไม่มีเงินส่งค่าดอกเบี้ย และส่งหลานเรียนหนังสือ
ตนทั้งสามจึงได้มานั่งว่างแผนโดยทำทีไปยืมอุปกรณ์ภาชนะการปรุงและใส่อาหารตามวัดต่างโดยอ้างว่าจะไปเปิดโรงทานเลี้ยงอาหารคนยากไร้และเด็กที่ยากจน หลังจากที่ยืมของวัดมาได้ก็จะเอาไปนั่งลบตัวหนังสือที่ทางวัดเขียนไว้ที่ข้างภาชนะออกและเอาไปขายที่ตลาดนัดสังกะสีหน้าที่ทำการ อบต.เทพารักษ์ หลังจากที่ได้เงินมาก็จะเอามาแบ่งกัน เพื่อเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายให้หลานไปโรงเรียนและไว้ซื้อของกินของใช้ จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามมาจับกุม
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ และร่วมกันรับของโจร ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมือง สมุทรปราการ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป