svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ศาลจำคุกขบวนการจดหมายลูกโซ่เลขล็อกกองสลาก 155 ปี 180 เดือน

01 ธันวาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

รองอธิบดีดีเอสไอ เผยศาลอาญาพิพากษาจำคุก"วาทิน มุกดา"จำเลยขบวนการจดหมายลูกโซ่แอบอ้างเลขล็อกสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 155 ปี 180 เดือน ระบุเป็นคดีแรกที่ผู้เสียหาย 18 ราย ได้เงินคืนกว่า 7 แสนบาท เตือนปชช.อย่าหลงเชื่อเลขล็อก

พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เปิดเผยว่า ในฐานะรับผิดชอบคดีฉ้อโกงประชาชน กรณีส่งจดหมายลูกโซ่ แอบอ้างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ว่ามีเลขล็อก 2 ตัว 3 ตัว ไปยังประชาชน และมีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก ทำให้มีผู้เดือดร้อน และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นผู้เสียหาย จึงร้องขอให้ดีเอสไอ สืบสวน ดำเนินคดีกับขบวนการนี้


ต่อมา ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ และสืบทราบว่า นายวาทิน มุกดา ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ อ.แกลง จ.ระยอง เป็นตัวการสำคัญ แต่ใช้บัญชีธนาคารบุคคลอื่นในการรับโอนเงิน ดีเอสไอ จึงสืบสวนสะกดรอย และล่อซื้อ จนได้ภาพของนายวาทิน ออกมากดเงิน และพบจดหมายลูกโซ่ในบ้านของนายวาทิน ระหว่างการตรวจค้นบ้านพัก นับเป็นหลักฐานสำคัญ โดยในชั้นสอบสวน นายวาทิน ให้การปฏิเสธ

ศาลจำคุกขบวนการจดหมายลูกโซ่เลขล็อกกองสลาก 155 ปี 180 เดือน


พ.ต.ท.ปกรณ์ เปิดเผยว่า จากพยานหลักฐาน พยานบุคคล ดีเอสไอ ส่งสำนวนให้อัยการ เพื่อยื่นฟ้องนายวาทิน ต่อศาลอาญา และในชั้นศาลนายวาทิน รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และเมื่อวันที่ 26 ส.ค.63 ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก พิพากษา ว่า นายวาทิน มีความผิดเกี่ยวกับเอกสาร, ความผิดเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ และฉ้อโกง ซึ่งการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมตามกระทงความผิด


รองอธิบดี ดีเอสไอ เปิดเผยว่า ในคำพิพากษาความผิดข้อหาร่วมกันปลอมแปลงเอกสารร่วมกันใช้เอกสารปลอม จำคุกกระทงละ 1 ปีรวม 7 กระทงจำคุก 7 ปี, ความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ผู้เสียหาย 18 คน ความผิด 18 กระทงจำคุกกระทงละ 4 ปีรวม 18 กระทง 72 ปี และ ความผิดฐานร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของคนอื่น ให้จำคุกกระทงละ 4 ปี 6 เดือนรวม 58 กระทง จำคุก 232 ปี 348 เดือน ในชั้นศาลจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา และนำเงินมาวางศาล 753,040 บาท มีเหตุให้บรรเทาโทษ รวมจำคุกทั้งสิ้น 155 ปี 180 เดือน แต่กฎหมายให้ลงโทษจำคุกได้ 20 ปี ส่วนเงิน 753,040 บาท ให้จ่ายคืนแก่ผู้เสียหาย


พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับประชาชน ที่ได้รับจดหมายประเภทนี้ และสงสัยว่าเป็นจดหมายจริงหรือไม่ ให้สอบถามมาที่สายด่วน ดีเอสไอ หมายเลข 1202 หรือ สอบถามทางเว็บไซต์ www.dsi.go.th

logoline