บริษัท โมเดอร์นา ของสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า บริษัทยื่นเรื่องต่อสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ หรือ เอฟดีเอ เพื่อขออนุมัติให้สามารถใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19ได้ในกรณีฉุกเฉิน หลังจากผลการทดสอบระยะสุดท้ายสรุปว่า วีคซีนมีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้มากถึง 94.1% และไม่มีผลข้างเคียงอันตรายใดๆโดยคณะกรรมการที่ปรึกษาเอฟดีเอจะพิจารณาคำขออนุมัติในวันที่ 17 ธ.ค.
โมเดอร์นา ยังเปิดเผยข้อมูลล่าสุดด้วยว่า วัคซีนที่มีชื่อว่า mRNA-1273 มีประสิทธิภาพมากถึง 100% ในการป้องกันการเกิดอาการป่วยรุนแรงของโควิด-19 และ นพ. พอล ออฟฟิต หนึ่งในคณะกรรมการที่ปรึกษาเอฟดีเอ แสดงความตื่นเต้นยินดีกับข้อมูลใหม่ที่น่าเหลือเชื่อนี้
วัคซีนของโมเดอร์นากลายเป็นวัคซีนตัวที่ 2 ที่คาดว่าจะได้รับการอนุมัติและสามารถผลิตได้ภายในปีนี้ หลังจากวัคซีน ที่พัฒนาโดยบริษัทไฟเซอร์ของสหรัฐ ร่วมกับบริษัทไบโอเอ็นเทคของเยอรมนี และมีประสิทธิภาพในการป้องกัน 95% จะได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการที่ปรึกษาของเอฟดีเอในวันที่ 10 ธ.ค.
นอกจากนี้โมเดอร์นาจะยื่นขออนุมัติวัคซีนต่อสำนักงานยายุโรป หรือ อีเอ็มเอ เมื่อวันจันทร์เช่นกัน หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสหภาพยุโรปหรืออียู ตกลงจัดซื้อวัคซีน 160 ล้านโดสจากโมเดอร์นา
วัคซีนของโมเดอร์นาบางส่วนจะผลิตโดยบริษัท ลอนซา ในสวิตเซอร์แลนด์ ที่โรงงานทั้งในสหรัฐและสวิตเซอร์แลนด์ โดยลอนซาทำสัญญานาน 10 ปีกับโมเดอร์นาเพื่อผลิตวัคซีนโควิด-19 ปีละ 1,000 ล้านโดส และโมเดอร์นาคาดว่าจะผลิตวัคซีน 20 ล้านโดสให้สหรัฐได้ภายในสิ้นปีนี้
สำหรับข้อมูลล่าสุดของผลการทดสอบวัคซีนระยะที่ 3 โมเดอร์นา พบว่า ในกลุ่มอาสาสมัครราว 15,000 คนได้รับวัคซีนจริง มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพียง 11 คนและในกลุ่มอาสาสมัครอีกราว 15,000 คนได้รับวัคซีนหลอก มีผู้ติดเชื้อ 185 คน ทำให้สรุปได้ว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อ 94.1% และในกลุ่มผู้ติดเชื้อ 11 คน ที่ได้รับวัคซีนจริง ไม่มีอาการป่วยรุนแรงแม้แต่รายเดียว แต่ 30 คนจากผู้ติดเชื้อ 185 คนที่ได้รับวัคซีนหลอกมีอาการป่วยรุนแรง ซึ่ง 1 คนเสียชีวิต