1 ธันวาคม 2563 ความเคลื่อนไหวทางการเมือง จากที่เมื่อวานนี้(30 พฤศจิกายน) มีแกนนำหลายคน ที่ส่วนใหญ่เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน ตามหมายเรียกจากความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อย่าง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ น้องรุ้ง นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ 'ไมค์ ระยอง' นายอานนท์ นำภา นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ และนายกฤษ๓างค์ จุตจรัส จากกรณีปราศรัยระหว่างการชุมนุม ที่สนามหลวง ช่วงวันที่ 19-20 กันยายน
การรายงานตัวกับพนักงานสอบสวน เมื่อวานนี้(30 พฤศจิกายน) ยังอีกแกนนำอีก 1 กลุ่ม คือ แกนนำกลุ่มนักเรียน ที่เรียกตัวเองว่า 'นักเรียนไท' และ 'นักเรียนเลว' แต่เป็นหมายเรียก ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ สน.ลุมพินี ซึ่งหลังใช้เวลานานกว่า 6 ชั่วโมงในการเข้ารายงานตัวเสร็จสิ้น
น.ส.คุ้มเกล้า ส่งสมบูรณ์ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ชี้แจงว่า การดำเนินคดีวันนี้เป็นการรับทราบข้อกล่าวหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยมีพฤติการณ์ว่า ไปร่วมปราศรัยในการชุมนุมวันที่ 15 ตุลาคม และเนื่องจากเป็นเยาวชนจึงมีสหวิชาชีพ ผู้ปกครอง และ บุคคลที่3แกนนำไว้วางใจคือ ส.ส.พรรคก้าวไกล เข้าร่วมทำการสอบสวนด้วย ซึ่งทั้ง3คนให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา และขอทำคำให้การเพิ่มเติมเป็นลายลักษณ์อักษรกับพนักงานสอบสวนภายใน30วัน
ทนายความรายนีื ยืนยันว่า การชุมนุมการปราศรัย เป็นการแสดงออกที่ทำได้ตามรัฐธรรมนูญ และอนุสัญญาสิทธิเด็กรับรองไว้ในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งเด็กมีอทธิที่แสดงออกและตั้งข้อสังเกตุการทำงานของระบบการศึกษาและหระทรวงศึกษาธิการและหลังรับทราบข้อกล่าวหาเสร็จสิ้นก็สามารถเดินทางกลับได้เลย ไม่ต้องไปศาลเด็กและเยาวชนกลางเพื่อไต่สวนการจับกุม เพราะไม่ใข่การถูกจับแต่เป็นการมาตามหมายเรียก
โดยหลังจากนี้จะนัดหมายกับพนักงานสอบสวนเพื่อไปพบสถานพินิจในภายหลัง
ขณะที่นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะสมาชิกคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก สตรี คนชรา กลุ่มชาติพันธุ์ บอกว่า มาติดตามว่ากระบวนการทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และขอเรียกร้องไปยังองค์กรสิทธิเด็ก ซึ่งในวันที่ 15 ตุลาคม พูดเรื่องทรงผม ความรุนแรงในโรงเรียน แต่ถูกดำเนินคดีซึ่งไม่เป็นธรรมกับเด็ก ดังนั้นมองว่าจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงในคณะอนุกรรมาธิการฯ รวมถึงจะกลับไปรายงานต่อกรรมาธิการฯโดยไม่ต้องการให้เกิดกระบวนแบบนี้กับเด็กและเยาวชน ซึ่งจะมีการติดตามการทำงานอย่างต่อเนื่อง
ส่วนหนึ่งในแกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า นักเรียนไท และเป็นหนึ่งในคนที่ถูกดำเนินคดี กล่าวความรู้สึกหลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหา คดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตามหมายเรียก โดยยืนยันว่า ไม่กลัวกับการที่ถูกดำเนินคดีและยืนยันว่าจะสู้ต่อ
ทั้งนี้มองว่า กรณีการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่กับเยาวชนไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศไทย และมองว่าตำรวจควรกลับมายืนเคียงข้างประชาชน
สำหรับบรรยากาศหลังการรับทราบข้อกล่าวหาเสร็จสิ้น มวลชนและเพื่อนๆ ของแกนนำ ได้ร่วมกันนำเค้กวันเกิด มาอวยพรให้กับ นายลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ หรือ มิน เนื่องในวันคล้ายวันเกิด ที่มีอายุครบ 18 ปี หลังโดนหมายเรียกเข้ารายงานตัวกับพนักงานสอบสวน กระทั่งได้มายืนอยู่บริเวณหน้า สน.ลุมพินีด้วย โดยนายลภณพัฒน์ ได้อธิษฐานขอพร ว่า อยากให้สิ่งที่ทุกคนเรียกร้องสำเร็จในเร็ววัน
ขณะที่นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ได้ร่วมนำเค้กมาอวยพร นายลภนพัฒน์ ขอให้ชีวิตสดใส คิดอะไรสมดังใจและขอให้ได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
จากนั้นการชุมนุมของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่านักเรียนไท ที่มาให้กำลังใจการถูกดำเนินคดีของแกนนำทั้ง3คนได้ยยุติการทำกิจกรรม และแยกย้ายกันเดินทางกลับ