จากกรณีการลักลอบข้ามตามแนวชายแดน "ไทย-เมียนม่า" ทั้งในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และบริเวณช่องทางตามธรรมชาติใน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ส่งผลทำให้ผู้ที่แอบข้ามแดน ซึ่งติดเชื้อโควิด19 จากประเทศเมียนมา นำเชื้อดังกล่าวเข้ามาแพร่ระบาดในประเทศไทย ตามที่ปรากฏเป็นข่าวที่ได้มีการระบุว่า มีหญิงสาววัย 29 ปี ที่เดินทางไปทำงานในประเทศเมียนม่า และแอบลักลอบข้ามแดนกลับเข้ามาในประเทศไทย ติดเชื้อโควิด19 ซึ่งล่าสุดยังพบหญิงสาวอีกราย ที่เดินทางมาพร้อมกับหญิงสาววัย29 ติดเชื้อโควิด19 อีกด้วย โดยขณะนี้ถูกกักตัวอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารจากร้อย ม.3 ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง ภายใต้การอำนวยการของ พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผบ.ฉก.ม.3 นำโดย ร.อ.พิสิฐ อภิเดช ผบ.ร้อย ม.3 ฉก.ม.3 ร่วมกับ ฝ่ายปกครอง ได้ร่วมกันตรวจพื้นที่ชายแดนตามจุดช่องทางธรรมชาติที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
หลังพบว่ามีการลักลอบข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมาย ตามช่องทางธรรมชาติหลายแห่ง อาทิ ตามไร่นาของชาวบ้าน ที่มีพื้นที่ติดกับลำน้ำสาย และบ้านเรือนของประชาชนที่มีหลังบ้านติดกับลำน้ำสายที่เป็นเส้นแบ่งเขตแดน ซึ่งอาจจะเป็นช่องทางที่ผู้ลักลอบเข้าเมือง ใช้ในการข้ามพรมแดน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผบ.ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการเพิ่มกำลังในการลาดตระเวณ รวมไปถึงเพิ่มอุปกรณ์ในการป้องกันการลักลอบเข้าเมือง ทั้งการเพิ่มไฟส่องสว่างในจุดต่างๆ การติดกล้อง CCTV ตลอดแนวชายแดน พร้อมทั้งใช้โดรนในการตรวจตรา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และการสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด 19 เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งอีกส่วนหนึ่งก็ต้องขอความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่ช่วยกันสอดส่องบุคคลภายในหมู่บ้านของตนเองหากพบเห็นคนแปลกหน้าหรือกลุ่มคนที่เผ่านหรือเข้ามาในหมู่บ้านให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ผบ.ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง กล่าวในที่สุด
รายงานแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ฯ สามารถจับกุมผู้ที่แอบลักลอบข้ามชายแดนแดนได้บ่อยครั้ง และจากการนำตัวไปสอบสวนในเบื้องต้น ได้ให้การรับสารภาพว่า เสียค่าจ้างให้กลุ่มขบวนลักลอบข้ามแดน ในราคาหัวละ 3,000 -5,000 บาท เพื่อแลกกับการพาข้ามพรมแดน โดยไม่ผ่านการกักตัว 14 วัน ทั้งนี้ เมื่อนำตัวข้ามแดนมาได้แล้ว ก็จะมีคนมารับอีกทอดหนึ่งในฝั่งประเทศไทย โดยบางคนลักลอบข้ามมาในบริเวณไร่นาของชาวบ้าน ซึ่งจะมีการสวมชุดเหมือนชาวบ้านที่ไปทำสวน โดยขบวนการลักลอบข้ามแดน จะให้นั่งท้ายรถจักรยานยนต์ ออกมาจากสวน หรือไร่นา เสมือนว่า ไปทำสวนไร่นามา เพื่อเป็นการตบตาของเจ้าหน้าที่
จากการสอบถามคนในพื้นที่ทราบว่า คนไทยส่วนใหญ่ที่ข้ามไปฝั่งประเทศเมียนมาแล้วกลับไม่ได้ เนื่องจากว่าได้ลักลอบข้ามพรมแดนไป โดยไม่ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ทำให้เมื่อปิดด่านพรมแดน จึงไม่สามารถเดินทางกลับมาได้ เพราะต้องได้รับโทษในประเทศเมียนมา ในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง ดังนั้น จึงต้องหลบซ่อนตัวและพยายามข้ามพรมแดนกลับมาประเทศไทย โดยอาศัยขบวนการลักลอบพาคนข้ามแดนดังกล่าว
ส่วนการลักลอบข้ามแดนของหญิงสาวที่ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ที่เชียงใหม่ พบว่าได้ลักลอบเดินทางจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยมีกลุ่มขบวนการนำไปส่งที่สถานีขนส่งแม่สาย เพื่อนั่งรถตู้โดยสารประจำทางไปยัง สถานีขนส่งจังหวัดเชียงรายแห่งที่ 2 แล้วนั่งรถโดยสารประจำทางไปยัง จ.เชียงใหม่ ก่อนจะไปเที่ยวเตร่ตามสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ จนกระทั่งในที่สุดหญิงสาวรายนี้ เกิดอาการป่วยและตรวจพบเชื้อโควิด-19 ในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบยังพบว่า ก่อนหน้านี้หญิงสาวรายดังกล่าว ได้มีการโพสเฟสบุ๊คในกลุ่ม โดยมีข้อความระบุว่า "ถ้าใครติดอยู่ฝั่งท่าขี้เหล็ก หรืออยากข้ามกลับไทย ช่วยติดต่อมาเบอร์นี้น่ะค่ะ" โดยมีการระบุหมายเลขโทรศัพท์ ทั้งไทย และเมียนมา เอาไว้อีกด้วย ซึ่งคาดว่าน่าจะเกี่ยวพันกับขบวนการลักลอบข้ามแดน ไทย-เมียนมา ทั้งนี้ ในเรื่องนี้ดังกล่าว ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ฯ กำลังเร่งติดตาม และขยายผลจับกุมเครือข่ายขบวนการดังกล่าวอยู่ในขณะนี้