ญี่ปุ่นจับตา 3 สัปดาห์อาจประกาศภาวะฉุกเฉิน หากโควิดไม่ลด

ยาสุโตชิ นิชิมูระ รัฐมนตรีที่รับผิดชอบควบคุมการระบาดของโควิด-19 แถลงเมื่อค่ำวันพุธหลังการประชุมของคณะอนุกรรมการรับมือสถานการณ์โควิด-19 ว่า ช่วงเวลา3 สัปดาห์ต่อจากนี้ คือ ช่วงเวลาสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาด และหากไม่ชะลอลง ก็อาจพิจารณาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ระดับสูงของญี่ปุ่นเริ่มส่งสัญญาณว่า ไวรัสโคโรนาจะยังคงแพร่ระบาดทั่วประเทศ และมีแนวโน้มมากขึ้นว่าจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 จะสูงขึ้นเกินกว่าศักยภาพของระบบสาธารณสุขจะรองรับไหว และอาจกระทบต่อการให้บริการรักษาขั้นพื้นฐานทั่วไปอีกด้วย

ขณะที่ทางการกรุงโตเกียว รายงานวันนี้ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 570 คนในวันนี้ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มพบการระบาดในญี่ปุ่น ทำให้ยอดสะสมของโตเกียวเพิ่มเป็นเกือบ 40,000 คน ขณะที่ผู้ติดเชื้อสะสมทั่วประเทศสูงเกินกว่า 137,000 คน และผู้เสียชีวิตสะสมเกิน 2,000 รายแล้ว
นอกจากนี้สำนักพระราชวังอิมพิเรียล แจ้งวันนี้ยกเลิกหมายกำหนดการที่สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะพระราชทานพรปีใหม่จากระเบียงพระราชวังอิมพิเรียลที่เปิดให้ประชาชนเข้าเฝ้าในช่วงเทศกาลปีใหม่ สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19ที่พุ่งสูงขึ้นในเวลานี้
และเมื่อต้นสัปดาห์นี้ รัฐบาลเพิ่งตัดสินใจถอดเมืองซัปโปโร และโอซากา ออกจากโครงการ Go To Travel ที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นการชั่วคราวนาน3 สัปดาห์เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ยังมีการระบาดสูง

ก่อนหน้านี้ฮอกไกโดเป็นจังหวัดแรกที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินช่วงปลายเดือน ก.พ.เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด และรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน 7 จังหวัดช่วงต้นเดือน เม.ย.ก่อนขยายครอบคลุมทั่วประเทศในอีก 10 วันต่อมา และสิ้นสุดในวันที่ 25 พ.ค.
ญี่ปุ่นปรับปรุงกฎหมายควบคุมโรคระบาดเพื่ออนุญาตให้นายกรัฐมนตรีสามารถประกาศภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขได้ทันที แต่การออกมาตรการให้ประชาชนอยู่บ้าน หลีกเลี่ยงการเดินทาง เว้นระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากากอนามัย เป็นการร้องขอความร่วมมือ ไม่ได้บังคับ รวมทั้งไม่มีบทลงโทษทางอาญา หรือ โทษปรับซึ่งแตกต่างจากหลายประเทศ