"จุุรินทร์"ค้านนำร่างรธน.ให้ศาลวินิจฉัย
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
แพร่ - หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ค้านนำร่างรัฐธรรมนูญให้ศาลวินิจฉัย หวั่นถูกมองไม่มีความจริงใจ-ต้องการยื้อการแก้ไข รธน. พร้อมเห็นด้วยการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ 7 ฝ่าย คลี่คลายวิกฤตการเมือง
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ที่ท่าอากาศยานแพร่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้เดินทางมาปฎิบัติราชการที่ จ.แพร่ ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาธิปัตย์ว่า กรณีที่การเข้าชื่อเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ได้ผ่านการพิจารณารับหลักการวาระที่ 1 ไปแล้วนั้นว่ามีความชอบโดยรัฐธรรมนูญหรือไม่
ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ตนเห็นว่ามีความชอบโดยรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว เพราะว่าก่อนที่เราจะเสนอชื่อก่อนการพิจารณาที่ประชุมรัฐสภานั้น ได้มีการตรวจสอบโดยรอบคอบทั้งหมดแล้ว ถึงอย่างไรต้องถือว่าเป็นสิทธิ์ของผู้ยื่นที่จะไปวินิจฉัยอีกครั้งหนึ่งว่ามีความชอบโดยรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีการบรรจุญัตตินี้เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมร่วมรัฐสภา ในวันที่ 12 ธันวาคม 2563 ที่จะถึงนี้ ซึ่งถ้ามีการพิจารณาในวันนั้นในส่วนในเห็นของตน และพรรคประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุนที่จะให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะว่าตนเชื่อว่าร่างที่เราเสนอไปนั้นชอบรัฐธรรมนูญไปแล้วนั่นเป็นประการที่หนึ่ง
ประการที่สอง ถ้ามีความประสงค์จะตรวจสอบความชอบโดยรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้นสามารถทำได้หลังจากรัฐธรรมนูญผ่านวาระ 3 ไปแล้วและก่อนนำขึ้นทูลเกล้า รัฐธรรมนูญมาตรา 256 ก็เปิดโอกาสให้ตรวจสอบความชอบโดยรัฐธรรมนูญก่อนนำขึ้นทูลเกล้าในช่วงระยะเวลานั้นไม่จำเป็นต้องมาทำตอนนี้และประการสำคัญสุดท้ายคือว่าถ้ามีการส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วจะทำให้เกิดความรู้สึกได้ว่าต้องการที่จะยื้อการแก้รัฐธรรมนูญ และไม่มีความจริงใจที่จะไปแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ นี่จึงเป็นเหตุผลที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุนให้ยื่นในจุดนี้
สำหรับคณะกรรมการสมานฉันท์ ที่นายนชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา จะได้ตั้งคณะกรรมการ 7 ฝ่ายขึ้นมาตามข้อเสนอ ที่ตนเคยเสนอต่อที่ประชุมรัฐสภาไป ตรงนี้พรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะสนับสนุนและพร้อมที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมถ้าได้รับโอกาสที่จะเข้าไปอยู่ในคณะกรรมการสมานฉันท์ 7 ฝ่าย
ส่วนข้อกังวลที่คาดว่าอาจะมีบางฝ่ายไม่เข้าร่วมนั้นตนไม่อยากคาดการณ์ไปก่อน แต่อยากให้รอระยะเวลาให้ทุกฝ่ายให้พิจารณาให้ครบถ้วน ซึ่งตนเห็นด้วยกับประธานรัฐสภาในกรณีที่ว่าถ้าได้คณะกรรมการเท่าไหร่ก็เอาเท่านั้นแล้วก็ประชุมกันไปก่อนแล้วอีกฝ่ายที่เหลือมีความประสงค์จะเข้าร่วมก็สามารถเข้าร่วมได้ต่อไป ซึ่งตนเห็นด้วย
"ฝ่ายที่ยังลังเลว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ก็ไม่ต้องกังวลว่าถ้าเข้าร่วมแล้วจะกลายเป็นเสียงข้างน้อยเพราะว่าโดยหลักแล้วตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์ จะเข้าไปเสนอถ้ามีโอกาสเข้าไปร่วมว่าไม่ควรใช้ระบบมติเสียงข้างมากที่จะทำให้เสียงข้างน้อยต้องปฎิบัติไปอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ควรใช้ความเห็นที่เป็นเอกฉันท์หรือที่เป็นฉันทามติร่วมกันจึงนำไปสู่การปฎิบัติ"นายจุรินทร์ กล่าว
กระนั้นตาม ตนมีความเห็นว่ากรรมการชุดนี้บางท่านบางฝ่ายมีความเห็นว่าไม่น่าจะนำไปสู่ข้อยุติอะไร หรือไม่น่าจะนำไปสู่ข้อยุติเกิดความสมานฉันท์ขึ้นมาได้ แต่ตนคิดว่าไม่อยากเห็นการตีตนไปก่อนไข้และมีความเห็นว่าอย่างน้อยมีกรรมการชุดนี้ขึ้นมาก็ยังดีกว่าไม่มี อย่างน้อยก็เป็นความหวังที่จะให้ประเทศมีทางออกได้ในช่วงระยะเวลาต่อสถานการณ์สั้นๆนี้ส่วนปัญหาไหนคิดว่ายังค้างคา หรือไม่สามารถหาความเห็นร่วมหรือความพ้องหรือฉันทามติร่วมกันได้ก็มีคณะกรรมการอีกชุดหนึ่งที่จะมีการจัดตั้งขึ้นโดยให้สถาบันพระปกเกล้าไปออกแบบคณะกรรมการชุดนี้ ปัญหาระยะกลางและระยะยาวก็ยกยอดไปพูดกันในที่ประชุมนั้นได้
ในส่วนคำถามที่ยังมีการชุมนุมในการขอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า คิดว่ามีกรรมการชุดนี้ คือ อย่างน้อยที่สุดยังมีช่องทางให้ทุกฝ่ายได้มาพูดคุยกันแล้วให้สถานการณ์คลี่คลายอะไรที่เห็นพ้องต้องกันก็ช่วยกันแก้ อะไรที่ไม่เห็นพ้องต้องกันก็คุยกันใหม่ คุยกันต่อไปจนกว่าจะได้ประเด็นที่เห็นพ้องกัน อะไรที่เห็นสุดท้ายไม่ตรงกันก็ยกยอดไปให้กรรมการชุดที่สอง ที่จะแก้ระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวได้คุยกันต่อไป ตนยังหวังว่าน่าจะมีทางออกได้ในบางเรื่องสำหรับกรรมการและก็ดีกว่าไม่มี
