คำแถลงที่อธิบายถึงข้อผิดพลาด เกิดขึ้นหลายวันหลังจากที่พวกเขาระบุว่าวัคซีน "มีประสิทธิภาพสูง" แต่ไม่ได้พูดถึงสาเหตุที่อาสาสมัครที่เข้าร่วมการทดสอบบางคนถึงได้รับวัคซีนที่แรงน้อยกว่าในโดสแรกจากทั้งหมด 2 โดส
ผลการทดสอบที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน ก็คือกลุ่มอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนที่ไม่แรงในโดสแรก กลับมีภูมิคุ้มกันดีกว่าอาสาสมัครที่ได้รับยาครบทั้งสองโดส โดยในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนขนาดต่ำกว่าปกติ มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค 90% ส่วนในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนครบทั้งสองครั้ง ดูเหมือนว่าวัคซีนจะได้ผลแค่ 62% และตัวเลขเมื่อเอามารวมกันแล้ว ทางผู้ผลิตยาบอกว่า ก็เท่ากับว่าวัคซีนได้ผล 70%
แต่วิธีการทดสอบแบบนี้ นำไปสู่คำถามจากผู้เชี่ยวชาญ
การทดสอบวัคซีนตัวนี้กระทำกันในสหราชอาณาจักรและบราซิล ก่อนการทดสอบ จะมีการวางระบบการทดสอบอย่างละเอียด เข้มงวด เพราะหากมีการเบี่ยงเบน ก็อาจจะนำไปสู่ความสงสัยในผลลัพธ์ได้
ปัญหาที่เกิดในกรณีของวัคซีนตัวนี้ก็คือ วัคซีนบางโดส มีความเข้มข้นที่ไม่ถูกต้อง ทำให้อาสาสมัครบางคนได้รับวัคซีนโดสแรกเท่ากับแค่ครึ่งโดส แต่หลังจากทราบเรื่อง ก็มีการหารือกัน และตัดสินใจที่จะศึกษาเพื่อเปรียบเทียบระหว่างอาสาสมัครสองกลุ่มนี้
ผู้เชี่ยวชาญบอกว่ากลุ่มตัวอย่างที่มีจำนวนน้อย ทำให้ยากที่จะทราบถึงประสิทธิภาพของวัคซีนว่าเป็นจริงหรือไม่ โดยกลุ่มที่ได้รับวัคซีนไม่ครบมีเกือบ 3 พันคน ส่วนที่ได้ครบมีเกือบ 9 พันคน
อีกประการก็คือในกลุ่มที่ได้ไม่ครบ ไม่มีใครอายุเกินกว่า 55 ปี ขณะคนที่อายุน้อยกว่า มักจะมีการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันหลังได้รับวัคซีนดีกว่าผู้สูงอายุ ดังนั้น เรื่องอายุ จึงอาจจะทำให้วัคซีนขนาดต่ำดูมีประสิทธิภาพมากกว่า โดยไม่เกี่ยวกับขนาดของยา
อีกประเด็นหนึ่งของความสับสน ก็คือการตัดสินใจ รวมผลลัพธ์จากผู้เข้าร่วมทดสอบทั้งสองกลุ่มที่ได้รับวัคซีนในระดับที่แตกต่างกัน จนได้ผลเฉลี่ย 70% ซึ่งก็ปรากฏว่ามันไม่ได้เป็นตัวเลขที่เป็นตัวแทนของกลุ่มทดสอบใด ๆ เลย