โดยนายกรัฐมนตรี ได้ทักทายนักธุรกิจสหรัฐฯ ในประเทศไทย และ ผู้ที่ร่วมประชุมทางไกลผ่านระบบ Video Conference ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
โดยทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์อันดีมายาวนาน เกือบ 200 ปี และ หวังรักษาให้ความสัมพันธ์นี้มีความยั่งยืนสืบไป ในฐานะเพื่อนเก่า และ มิตรประเทศที่มีความสำคัญกับไทย และอาเซียน พร้อมชื่นชมเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ที่มีบทบาทอย่างแข็งขัน ในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยและสหรัฐฯ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ และ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค covid-19 คลี่คลาย จะมีการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างสองประเทศมากขึ้น และ ในวันนี้เป็นการพบกัน เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงความจริงใจที่มีระหว่างกัน จึงขอเชิญชวนนักลงทุน ทั้งที่ได้ลงทุนในไทยแล้ว และอยู่ระหว่างการตัดสินใจ ให้พิจารณาประเทศไทยด้วย
อย่างไรก็ตาม วันนี้ได้เปลื่ยนสถานที่เข้าพบจากตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล มายังกระทรวงการต่างประเทศ เนื่องจากสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มราษฏร โดยวันนี้จับตาว่านายกรัฐมนตรีจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหรือไม่ เกี่ยวกับประเด็น ที่หารือกับนักธุรกิจในวันนี้รวมถึงการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษา