นอกจากนี้นักลงทุุนยังได้รับแรงกระตุ้น เมื่อเห็นว่าไบเดนได้เลือกเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ให้มาเป็นรัฐมนตรีคลัง
เหตุผลเหล่านี้ ทำให้ดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 450 จุด หรือ 1.5 % สามารถฝ่าเส้นชัยสำคัญไปได้ในที่สุด สำหรับดัชนี S&P 500 ก็เพิ่มขึ้น 1.6% ซึ่งก็เป็นการไปสู่ระดับสูงสุดตลอดกาลเช่นกัน
การปรับตัวขึ้นครั้งนี้ เป็นความต่อเนื่องของการปรับตัวขึ้นของตลาดในช่วง 1 เดือน หลังได้รับแรงหนุนจากการมองโลกในแง่ดีที่เพิ่มมากขึ้นว่าการพัฒนาวัคซีนและการรักษาไวรัสโคโรนาจะช่วยคลายความกดดันที่มีต่อเศรษฐกิจ นอกจากนี้ มันยังเป็นการไต่ระดับขึ้นอย่างรวดเร็วของดาวโจนส์อีกด้วย เพราะในวันที่ 23 มีนาคม มันเคยอยู่ที่ระดับที่ต่ำกว่า 18,600 จุด ในช่วงที่หุ้นดิ่งเหวครั้งเลวร้ายที่สุดระหว่างการระบาดระลอกแรก
นักวิเคราะห์รายหนึ่งบอกว่า " ตอนนี้เราเข้าใกล้การก้าวข้ามความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว และผู้คนยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า จากมุมมองทางเศรษฐกิจและมุมมองของรายได้"
โดยเมื่อปิดตลาด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 57.82 จุด มาอยูู่ที่ 3,635.41 จุด , ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 454.97 จุด มาอยู่ที่ 30,046.24 จุด ซึ่งผลงานของดัชนีทั้งสอง ได้บดบังผลงานของตัวเองเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้วเสียสนิทส่วนดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 156.15 จุด หรือ 1.3% มาปิดที่ 12,036.79 จุด
ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ก็ได้ปรบมือให้กับการทำสถิติใหม่ของดัชนีดาวโจนส์ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยบอกว่า" นั่นเป็นตัวเลขศักดิ์สิทธิ์30,000 จุดไม่มีใครเคยคิดว่าพวกเขาจะได้เห็นมัน"