24 พฤศจิกายน 2563 สนามเลือกตั้งนายกอบจ.สงขลาวันที่ 20 ธ.ค.2563 ถือเป็นสนามที่การแข่งขันดุเดือดมากที่สุดสนามหนึ่งเนื่องจากเป็นการแข่งขันที่มีฐานเสียงการเมือง 2 พรรคใหญ่ พรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ ระหว่างผู้สมัครหมายเลข 2 พ.อ. สุชาติ จันทรโชติกุล ในนามทีมสงขลาประชารัฐ ถึงแม้ไม่ระบุตรงๆแต่เป็นที่ทราบกันว่าฐานเสียงจัดตั้งมาจากฐานเสียงของ 4 ส.ส.พรรคพลังประชารัฐจ.สงขลา เป็นต้นทุน กับไพเจน มากสุวรรณ์ ผู้สมัครหมายเลข 3 ในนามทีมพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก็จะใช้ฐานเสียงเดียวกันกับส.ส.และรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์จ.สงขลาเป็นต้นทุนเช่นกัน บวบกับฐานเสียงอดีตส.อบจ.เก่าที่ยังยืนข้าง
เดิมพันครั้งนี้จึงเป็นเดิมพันที่ค่อนข้างสูงเพราะเป็นเหมือนสงครามตัวแทนของพรรคการเมือง ที่ต่างฝ่ายต่างประกาศปิดประตูแพ้ แต่การแข่งขันแน่นนอนว่าผู้ชนะย่อมแค่1 เดียวเท่านั้น ฉะนั้นนับจากนี้ไปก่อนถึงวันเลือกตั้ง จึงเป็นงานหนักของทีมงานทั้งสองฝ่ายที่จะต้องหาจุดขาย จุดแข็งต่างๆที่มีอยู่ มานำเสนอให้ประชาชนใช้ประกอบการตัดสินใจได้ดีกว่ากัน
นอกเหนือต้นทุนจากฐานเสียงส.ส.และรัฐมนตรีที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีกันแล้ว ต้นทุนส่วนตัวก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่ง พ.อ. สุชาติ จะได้เปรียบประสบการณ์ทางการเมือง ในฐานะอดีตส.ส.และเวียนว่ายใกล้ชิดกับการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ ในขณะที่ ไพเจน แม้จะเป็นมือใหม่ไม่เคยมีผ่านประสบการณ์ทางการเมืองมาก็ตาม แต่การที่เคยดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมชลประทานมาก่อน บวกกับความสดที่ไม่เคยผ่านสนามเลือกตั้งใดๆมาก่อน กลายเป็นจุดขาย ส่วนนโยบายที่ใช้หาเสียงนั้น พ.อ.สุชาติ ประกาศมาตั้งแต่ประกาศตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง คือการจัดทำงบประมาณของอบจ.สงขลาที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมเพื่อให้งบประมาณปีละ 1,080 ล้านบาททั่วถึงมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ ไพเจน ชู 10 นโยบาย พลิกโฉมสงขลา "รวมพลังสร้างสุข" พัฒนาอาชีพ ก้าวหน้า สร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจยุคดิจิทัล พัฒนาการผลิตและการตลาดสินค้าชุมชน เรียนรู้อาชีพใหม่ ต่อยอดอาชีพเดิม ทำอาชีพเสริม ทางด้านกองหนุนก็ต้องบอกว่าทั้งสองฝ่ายจัดหนักจัดเต็มทั้งพรรค ส.ส. รมต. และที่ขาดไม่ได้ก็คือกระสุนดินดำ อำนาจ บารมี มาพร้อม อยู่ที่ใครว่าจะเลือกใช้อาวุธแบบไหน สถานการณ์ใด
ที่ขาดไม่ได้สำหรับการเลือกตั้งในทุกระดับก็คือการดิสเครดิต หรือขยายผลจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม การเลือกตั้งนายกอบจ.สงขลาครั้งนี้ก็มีให้เห็นเช่นกัน โดยฝั่งของ พ.อ.สุชาติ ขึ้นป้าย "มา.. เพื่อพัฒนา ไม่ได้มา..เพื่อหาผลประโยชน์" หรือ "อบจ.สีขาวบริสุทธิ์ หยุดสีเทา" ทิ้งเป็นปริศนาธรรมให้ประชาชนคิดต่อในขณะที่ทางฝั่ง ไพเจน แม้จะไม่ประกาศต่อสาธารณะชนตรงๆชัดๆ แต่การลงพื้นที่ของทีมงานหัวคะแนนยังย้ำเสมอต้นเสมอปลายว่า "คนสงขลา ต้องเลือกคนสงขลา" สุดท้ายที่ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญและสามารถชี้ขาดการเลือกตั้งได้ก็คือกระสุนดินดำ อำนาจ บารมี อยู่ที่ใครว่าจะเลือกใช้อาวุธแบบไหน สถานการณ์ใด แต่ทั้งหมดคนที่จะตัดสินว่าใครจะได้เข้าไปทำหน้าที่นายกอบจ.สงขลาและนำนโยบายที่หาเสียงไปใช้ได้จริงคือประชาชนเจ้าของ 1 สิทธิ 1 เสียง จะเป็นคนชี้ชะตาและกำหนดอนาคตของเขาเองในวันเลือกตั้ง