ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงทัศนะงานเวทีสัมมนา "พลเมืองตื่นรู้ (สมาชิก) รัฐสภาตื่นตัว : เสียงประชาชนกับการเป็นตัวแทนของรัฐสภา" ที่โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส สถาบันพระปกเกล้า เมื่อวันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน โดยระบุว่า การชุมนุมที่กำลังจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ( 25 ) ต้องมองไปที่ต้นเหตุ ว่าอะไรที่ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมเกิดความไม่พอใจ หรือทำให้เกิดความขัดแย้งแล้วลุกลามไปถึงสถาบันฯ ต้องนำมาแก้ไข ในมุมของเขามองเรื่องใหญ่ที่สุด ณ ตอนนี้คือเรื่องของการสืบทอดอำนาจของตัวนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งนี้หากเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ในการตัดสินว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี จบที่หีบบัตรเลือกตั้ง โดยไม่มี ส.ว. ที่ได้ทำการเลือกไว้เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็คงจะไม่มีการออกมาประท้วงกันแบบนี้ ฉะนั้นคนรับผิดในเรื่องต่างๆก็ต้องเป็นตัวนายกรัฐมนตรี
"ผมไม่เข้าใจว่านายกรัฐมนตรีเข้าใจหลัก "The king can do No Wrong" มากน้อยแค่ไหน แต่เป็นห่วงว่าท่านอาจจะไม่ได้ยึดหลักการในข้อนี้ หลักการของนายกฯ ในระบอบประชาธิปไตย คือต้องรับผิดชอบและออกหน้า ไม่ใช่ไปอยู่ข้างหลัง การไปอยู่ข้างหลังทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับพระมหากษัตริย์ อันนี้ก็ต้องแก้ ถ้าไม่มีการสืบทอดอำนาจก็ไม่มีการประท้วงในวันนี้ ซึ่งที่ผ่านมานายกฯ คนก่อนหน้านี้ล้วนแต่เคยถูกประท้วงมาแล้วทั้งสิ้น แต่การประท้วงไม่เคยมาถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ในทางกลับกันผู้ชุมนุมอย่างน้อย 2 ครั้ง คือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในปี 2549 และคราว กปปส.เมื่อปี 2557 มีการถวายฎีกาถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มาก้าวก่ายทางการเมืองด้วยซ้ำไป ดังนั้นคิดว่าหากเป็นการปกครองกันเองของประชาชน จะไม่กระทบไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะฉะนั้นนายกฯ ที่สืบทอดอำนาจต้องรับผิดชอบ"
ผศ.ดร.ปริญญา ระบุว่า เงื่อนไขในขณะนี้ คือต้องแก้เรื่องของการสืบทอดอำนาจ โดยเฉพาะเรื่อง ส.ว. ที่มีอำนาจเลือกนายกฯ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ที่ต้องดำเนินการ และตัวรัฐธรรมนูญปี 2560 สถานการณ์วันนี้มีคนประท้วงมากกว่าฉบับปี 2534 แล้ว ที่เอามาเทียบกับฉบับนี้เพราะมีความคล้ายคลึงกัน โดยฉบับปี 2534 สุดท้ายจบลงด้วยการนองเลือด ในเดือนพฤษภาคมปี 2535 และสุดท้ายก็ต้องมาร่างใหม่ทั้งฉบับ เป็นฉบับปี 2540 เพราะฉะนั้นเมื่อรู้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์ จะนำไปสู่อะไร ทำไมต้องรอให้เกิดการนองเลือดก่อน ถึงจะมาแก้ปัญหาทำไมไม่แก้ปัญหาก่อนที่จะเกิดการนองเลือด
"ถึงอย่างไรก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุ ถ้าแก้ได้สถานการณ์ก็คลี่คลาย เราขัดแย้งกันเป็นเรื่องธรรมดา การประท้วงนายกฯ ก็เป็นเรื่องธรรมดา "เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2557 ท่านบอกว่าขอเวลาไม่นานแล้วความสุขจะคืนกลับมา ตอนนี้ 6 ปีเข้าไปแล้วความสุขก็ไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหน คนขัดแย้งกัน ทะเลาะกัน พ่อ แม่ ลูกเห็นต่างกัน ในตอนนี้เรามีคณะกรรมการปรองดองเยอะแล้ว มันเป็นเรื่องดี แต่การเอาแต่คุยกันอย่างเดียวจะถูกมองว่าเป็นการซื้อเวลา ถ่วงเวลา เรามีข้อเสนอหมดแล้วจากคณะกรรมการต่างๆ ที่เคยทำเอาไว้ ย้ำว่าที่ต้องแก้คือการสืบทอดอำนาจ และอำนาจของ ส.ว.ในการเลือกนายกฯ ที่ผ่านมา ไม่เคยมี ส.ว. ชุดใดมาก่อนที่คณะปฏิวัติแต่งตั้งแล้วมีอำนาจในการเลือกนายกฯ"
เขา กล่าวด้วยว่า การที่นายกรัฐมนตรีออกแถลงการณ์ใช้กฎหมายทุกฉบับ ทุกมาตรา เพื่อดำเนินการกับกับผู้ชุมนุมย้ำว่าการแก้ปัญหาจะต้องแก้ที่ต้นเหตุของปัญหาที่ทำให้คนออกมาชุมนุม จะไปแก้ด้วยการไม่ให้ชุมนุม แก้ด้วยการไปจับกุม ไม่ถูกต้อง เพราะสิ่งสำคัญคือการแก้ที่ต้นเหตุไม่ใช่แก้ที่การชุมนุม แก้ที่ต้นเหตุคือการสืบทอดอำนาจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าข้างหน้าคืออะไร นายกรัฐมนตรีก็มองเห็นอยู่แล้วว่าข้างหน้าจะนำไปสู่อะไร คือเรื่องที่เคยเกิดมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง วันนี้ยังไม่สายเกินไป อย่ารอให้ถึงทางตันแล้วค่อยมาหาทางออก ควรรีบแก้ไข อดีต เลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ที่มีบทบาทในเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ 2535 ระบุ