การเลือกบุคคลทั้ง 6 คน ซึ่งก็รวมถึงอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น แคร์รี่ มาร่วมรัฐบาล ถือเป็นการหวนกลับมาสู่แนวทางแบบดั้งเดิมมากขึ้นในความสัมพันธ์ของสหรัฐกับส่วนอื่น ๆ ของโลก และสะท้อนให้เห็นถึงคำสัญญาในระหว่างการรณรงค์หาเสียงของไบเดน ที่สัญญาว่าจะทำให้คณะรัฐมนตรีของเขาสะท้อนถึงความหลากหลายของสหรัฐ
งานนี้ ไบเดนเลือก แอนโทนี บลิงเคน ที่ปรึกษาเก่าของเขาให้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ , ทนายความ อเลฮานโดร มายอร์กัส ซึ่งเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายคิวบา มาเป็นรัฐมนตรีด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ซึ่งเป็นคนเชื้อสายลาติโน่คนแรกที่ได้นั่งในตำแหน่งนี้ เขาเคยเป็นรองปลัดกระทรวงนี้สมัยโอบามา, ส่วน ลินดา โธมัส - กรีนฟิลด์ ซึ่งเป็นผู้หญิงผิวดำ และเคยดำรงตำแหน่งระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศ จะไปเป็นเอกอัครราชทูตประจำสหประชาชาติ , ขณะเอฟริล ไฮน์ อดีตรองผู้อำนวยการ CIA ไปเป็นผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าว
สำหรับเจค ซัลลิแวน จะมาเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ และแคร์รี่ จะเป็นทูตพิเศษด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่ง 2 ตำแหน่งนี้ ไม่ต้องการการรับรองจากวุฒิสภา
ในแถลงการณ์ระบุว่า พวกเขาเหล่านี้ " เป็นผู้นำที่มีประสบการณ์ และผ่านการทดสอบในช่วงวิกฤต ซึ่งพร้อมที่จะลงพื้นที่ตั้งแต่วันแรก เจ้าหน้าที่เหล่านี้จะเริ่มทำงานทันที เพื่อสร้างสถาบันของเราขึ้นมาใหม่ สร้างจินตนาการ และทำความเป็นผู้นำของอเมริกาขึ้นมาใหม่ เพื่อทำให้ชาวอเมริกันปลอดภัยทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งจัดการกับความท้าทายที่กำหนดยุคสมัยของเรา ตั้งแต่โรคติดเชื้อ การก่อการร้าย การแพร่กระจายของอาวุธนิวเคลียร์ ภัยคุกคามทางไซเบอร์ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ "
บลิงเคน วัย 58 ปี ที่จะรับตำแหน่งที่มีระดับสููงที่สุดเป็นอันดับ 4 ถัดจากประธานาธิบดีบอกว่า " หากได้รับการยืนยัน นี่จะเป็นภารกิจที่ผมจะทำด้วยใจเต็มร้อย" เขาเคยเป็นรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ และรองที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติในสมัยรัฐบาลโอบามา รวมถึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไบเดน หากได้รับการยืนยัน เขาจะเป็นแกนนำของรัฐบาลในการปรับกรอบความสัมพันธ์ของสหรัฐกับส่วนที่เหลือของโลกหลังจากสี่ปีที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับพันธมิตรที่มีมายาวนานของสหรัฐ
บลิงเคน
มายอร์กัส
ส่วนโทมัส - กรีนฟิลด์ นักการทูตอาชีพมานานกว่า 30 ปี เคยเป็นเอกอัครราชทูตประจำไลบีเรีย เป็นผู้อำนวยการฝ่ายบริการต่างประเทศ และผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศฝ่ายกิจการแอฟริกา ก่อนที่จะถูกเขี่ยออกไปในช่วงต้น ๆ ของรัฐบาลทรัมป์ ได้กล่าวยกย่องแม่ของเธอสำหรับการได้รับการเสนอชื่อ . " แม่ของฉันสอนให้ฉันเป็นผู้นำด้วยพลังแห่งความใจดี และมีเมตตาเพื่อทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ฉันได้นำบทเรียนนั้นติดตัวไปตลอดชีวิตการทำงานในงานด้านต่างประเทศ และหากได้รับการยืนยัน ก็จะทำเช่นเดียวกันในตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำสหประชาชาติ"
คนที่เป็นที่รู้จักดีที่สุดในกลุ่มนี้ก็คือแคร์รี่ เขาเป็นผู้ซึ่งทำให้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในความสำคัญอันดับต้น ๆ ขณะที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศในยุคโอบามา และเขายังเป็นคนเจรจาเรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และข้อตกลงสภาพภูมิอากาศกรุงปารีสด้วย แต่ทรัมป์ได้ถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงทั้งสอง ที่เขาบอกว่าได้แสดงถึงความล้มเหลวของการทูตอเมริกัน และเขาเรียกแคร์รี่ว่ารัฐมนตรีต่างประเทศที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
หลังได้ข่าวเรื่องการเสนอชื่อ แคร์รี่บอกว่า " ในไม่ช้าสหรัฐ จะมีรัฐบาลที่ปฏิบัติต่อปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ในฐานะที่เป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติอย่างเร่งด่วน"
โธมัส-กรีนฟิลด์ ( ผู้หญิง )
ไฮน์
สำหรับซัลลิแวน ซึ่งอายุ 43 ปี จะเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ เขาเคยเป็นผู้ช่วยระดับสูงของอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศฮิลลารี คลินตัน ก่อนที่จะมาเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของรองประธานาธิบดีไบเดน เขาบอกว่าไบเดน ได้" สอนผมว่าต้องทำอย่างไรเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติในระดับสูงสุดของรัฐบาลของเรา ในการรับใช้ชาติ ผมจะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ประเทศของเราปลอดภัย"
ด้านมาร์ยอกัส บอกกว่าเขารู้สึกถ่อมตัวกับการเสนอชื่อ " ตอนที่ผมยังเด็กมาก สหรัฐจัดหาที่ลี้ภัยให้ผมกับครอบครัว ตอนนี้ผมได้รับการเสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และจะดูแลปกป้องชาวอเมริกันทุกคนและผู้ที่หนีการข่มเหงเพื่อค้นหาชีวิตที่ดีกว่าสำหรับตัวเองและคนที่พวกเขารัก"
ขณะที่แหล่งข่าวรายงานว่าไบเดน ได้เลือก เจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด มานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง
ซัลลิแวน