กรณีนายคณากร อภัยจิตต์ เจ้าของร้านยาง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ขับขี่บิ๊กไบค์ พุ่งชนกองข้าวเปลือกที่ชาวนาตากบนถนนบริเวณบ้านหนองจอก ต.เจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ทำรถเสียหลักล้มได้รับความเสียหายและบาดเจ็บ จึงได้นำเรื่องราวไปโพสต์เฟสบุ๊กเตือนภัยผู้ขับขี่ให้ระมัดระวัง และฝากถึงชาวนาให้นำกรวยหรืออุปกรณ์สะท้อนแสงมาติดตั้งเป็นสัญลักษณ์ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ซึ่งตอนแรกไม่ได้ติดใจเอาเรื่องเจ้าของข้าวเปลือกที่นำมาตากบนถนนเพราะเห็นใจ แต่หลานสาวเจ้าของข้าวโพสต์ต่อว่า ว่าอุบัติเหตุเกิดจากเสี่ยขับรถเร็วเอง จนเสี่ยบิ๊กไบค์ เปลี่ยนใจเข้าแจ้งความเอาผิดเจ้าของข้าวเปลือกตามกฎหมาย 22 พฤศจิกายน 2563 นายสมชาย นางกูล หมื่นรัมย์ สองตายายเจ้าของข้าวเปลือก และ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 22 ปี หลานสาวที่เข้าไปคอมเม้นต์ต่อว่าเสี่ยบิ๊กไบค์ จนทำให้เรื่องราวบานปลาย และกลายเป็นกระแสดราม่าในโซเชียล เดินทางไปขอโทษนายคณากร เจ้าของบิ๊กไบค์ที่ประสบอุบัติเหตุแล้ว โดยนายราชศักดิ์ ตระสินธ์ สหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นตัวกลางในการพูดคุย โดย น.ส.เอ ไหว้ขอโทษนายคณากร
น.ส.เอ บอกว่า ที่เข้าไปคอมเม้นต์ต่อว่าเสี่ยวันนั้นทำไปเพราะขาดสติ และด้วยความโมโห ไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลาย ก็อยากฝากถึงคนที่จะเข้าไปคอมเม้นต์หรือแสดงความคิดเห็น ควรจะมีสติ ส่วนที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เข้ามาขอโทษด้วยตัวเองนั้น ก็คิดว่าให้ทางตายายและครอบครัว พูดคุยเรื่องก็จะจบไม่คิดว่าจะบานปลายขนาดนี้ แต่วันนี้ได้มาขอโทษ และเสี่ยเต้ย ให้อภัยไม่ได้ติดใจเอาเรื่องอะไร ก็ดีใจ ขอบคุณรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ที่มอบให้ทางสหกรณ์จังหวัด มาพูดคุยไกล่เกลี่ยจนเรื่องจบลงด้วยดีด้านนายคณากร กล่าวว่า หลังจากตา ยาย และหลานสาวได้มาขอโทษด้วยความจริงใจ ก็ให้อภัย พร้อมจะถอนแจ้งความ ส่วนเงินที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร ฝากมาช่วยเหลือแทนครอบครัวของคุณตา เพื่อเป็นค่าซ่อมรถ 10,000 บาท จะนำไปมอบต่อให้กับโรงเรียนบ้านหนองสะแก ซึ่งมีโครงการที่กำลังจะก่อสร้างอาคารเรียน เพราะไม่ได้คิดที่จะเอาเรื่องหรือเรียกร้องค่าเสียหาย จากกรณีที่เกิดขึ้นก็ฝากถึงชาวนาที่ยังไม่มีกรวยหรืออุปกรณ์สำหรับวางเป็นสัญลักษณ์ช่วงที่ตากข้าวเปลือกบนถนน ทางร้านก็มียางเก่าซึ่งชาวนาสามารถมาขอรับได้ฟรี เพื่อนำไปพ่นสีสะท้อนแสงวางกั้นตามจุดที่ตากข้าวให้รถที่สัญจรไปมามองเห็นได้ชัดเจน เชื่อว่าจะสามารถลดการเกิดอุบัติเหตุได้ นอกจากนี้นายคณากร ชี้แจงกรณีสื่อบางสำนัก นำเสนอว่าตายาย เข้ามาขอโทษที่ร้านถึง 3 ครั้ง แต่ตนไม่ยอมออกมารับคำขอโทษนั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีนักข่าวคนหนึ่งเข้ามาที่ร้าน ก็ไม่รู้ว่ามาจากสังกัดไหนช่องไหน มาขอข้อมูลซึ่งตนก็ให้ข้อมูลไปทั้งหมด แต่ข่าวที่ออกมากลับบิดเบือนทำให้เสียหาย ความจริงตนเจอคุณยาย คือวันที่เดินทางไปแจ้งความที่โรงพัก ซึ่งวันนั้นคุณยายได้กล่าวขอโทษ แต่ตนบอกยายว่า ประเด็นอยู่ที่ตา และหลานสาว ถ้าตากับหลานมาขอโทษเรื่องก็จบ ซึ่งวันนี้เมื่อตา กับหลานมาขอโทษตนก็ไม่ได้ติดใจอะไรอีก
ด้านนายราชศักดิ์ ตระสินธ์ สหกรณ์จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ตนเองได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งได้รับการสั่งการมาจาก น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีความเป็นห่วงในกรณีที่เกิดขึ้น จึงให้ตนเองมาเป็นตัวแทนในการประสานทำความเข้าใจกับคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ยังได้มอบเงินจำนวน 10,000 บาทเพื่อช่วยเหลือตายาย เจ้าของข้าวเปลือกจ่ายเป็นค่าซ่อมให้กับผู้เสียหาย เพราะเห็นถึงทุกข์ยากของชาวนา แต่ก็เห็นใจผู้ที่สัญจรไปมาบนท้องถนนก็เสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุเช่นกัน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะนี้ขึ้นอีก ท่านรัฐมนตรีจึงฝากประชาสัมพันธ์ให้สหกรณ์ทุกจังหวัดเปิดพื้นที่ ให้ชาวนาสามารถนำข้าวเปลือกไปตากตามลานในสหกรณ์การเกษตรได้ฟรี ส่วนที่ทางผู้เสียหายในกรณีนี้มีแนวคิดจะบริจาคยางรถยนต์เก่าให้ชาวนานำไปพ่นสีสะท้อนแสง เพื่อเป็นอุปกรณ์ไปวางตามจุดที่ตากข้าวให้รถสัญจรไปมามองเห็นได้ชัดเจนก็เป็นสิ่งที่ดี หากผู้ประกอบการรายอื่นๆ อยากให้ช่วยเหลือชาวนาหรือร่วมกันลดอุบัติเหตุก็อยากให้ร่วมกันบริจาค เพราะถือเป็นสิ่งที่ดี