svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"จตุพร" คาด "ประยุทธ์" ใช้ ม.112 จัดการม็อบราษฎรไม่อาจหยุดการชุมนุมได้

20 พฤศจิกายน 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"จตุพร" คาด "ประยุทธ์" ใช้ ม.112 จัดการม็อบราษฎรไม่อาจหยุดการชุมนุมได้ ยกกรณีม็อบพันธมิตร-นปช.-กปปส.เจอโทษหนักกว่ายังเดินหน้าชุมนุมถึงขั้นแตกหัก ย้ำ รบ.-สภาหนีปัญหาเอาตัวรอด แต่ลากสถาบันเป็นคู่ขัดแย้ง

เมื่อ 20 พ.ย. 2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk โดยประเมินว่า สถานการณ์ทางการเมืองเดินไปถึงจุดแตกหัก หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ออกแถลงการณ์ประกาศบังคับใช้กฎหมายทุกฉบับและทุกมาตรา เพื่อจัดการการชุมนุมให้เกิดความสงบเรียบร้อย

"จตุพร" คาด "ประยุทธ์" ใช้ ม.112 จัดการม็อบราษฎรไม่อาจหยุดการชุมนุมได้


นายจตุพร เชื่อว่า การใช้มาตรการทางกฎหมายนั้น คงเป็นการสื่อสารถึงจะบังคับใช้กฎหมายอาญา ม. 112  เกี่ยวกับการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งมีโทษรุนแรงจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี
อย่างไรก็ตาม ถ้านำบทเรียน 3 การชุมนุมในอดีตมาเป็นกรณีศึกษาแล้ว การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ของ นปช. และการชุมนุมของ กปปส. ล้วนเจอข้อกล่าวมีโทษรุนแรงขั้นประหารชีวิต แต่ไม่อาจหยุดการชุมนุมได้ อีกทั้งไม่มีใครกลัวเกรงกฎหมาย ยังเดินหน้าชุมนุมต่อไปจนกว่าจะถึงจุดแตกหักกัน 
"ดังนั้น การประกาศใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเบ็ดเสร็จคืออะไร หรือแปลความว่า ที่ผ่านมาไม่ใช้ทุกมาตราเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม มาตรการทางกฎหมายย่อมเป็นเรื่องรอง และเมื่อสถานการณ์การชุมนุมเดินมาถึงจุดนี้ ต้องทำความกระจ่างกันว่า ฝ่ายไหนละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ฝ่ายไหนก่อเหตุทำร้ายกัน ฝ่ายไหนจงใจนำคนเสื้อเหลืองมาก่อเหตุ สิ่งเหล่านี้ควรคลี่คลายออกมาให้ชัดเจน
นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้มีการวิจารณ์ถึงการใช้ ม.112 ก็ยิ่งเท่ากับลากให้คู่ขัดแย้งไปสู่สถาบันพระมหากษัตริย์ ถ้ารัฐบาลและรัฐสภาเผชิญหน้ากับปัญหาก่อน เพื่อไม่ให้หลุดไปถึงสถาบัน แต่ในขบวนการทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารต่างเอาตัวรอด สถาบันจึงรับปัญหาทุกเรื่องราว

รวมทั้ง ถ้าฝ่ายนิติบัญญัติ รับผิดชอบเรื่องการแก้ รธน. โดยรับร่างแก้ รธน.ทั้ง 7 ร่างเข้าสู่การพิจารณาในวาระ 2 แล้ว สถานการณ์จะมีการผ่อนคลายเบาบางลงในระดับหนึ่ง แต่กลับปล่อยให้สถานการณ์พ้นตัวเองไป ด้วยการรับร่าง รธน.ของพรรคการเมือง แล้วปัดตกร่างแก้ รธน.ของไอลอว์ฉบับประชาชน จึงทำให้ความไม่พอใจขยายตัวเพิ่มมากขึ้น

"จตุพร" คาด "ประยุทธ์" ใช้ ม.112 จัดการม็อบราษฎรไม่อาจหยุดการชุมนุมได้


ส่วนรัฐบาลมีรูรั่วของปัญหาให้ไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยกระทรวงดีอีเอส จัดได้ว่าบริหารล้มเหลวที่สุด ปล่อยปละละเลยการตรวจสอบข่าวสาร คงเป็นเพราะด้อยประสิทธิภาพ หรือจงใจ  สำหรับกระทรวงศึกษา เป็นเหมือนพวกแม่ปูสอนลูกปู เพราะตัวเองสร้างภาพทางการเมืองให้เป็นแบบอย่างมาก่อน 
อย่างไรก็ตาม ภาพสาดสีต่างๆที่อยู่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกในช่วงการชุมนุมของ กปปส. ที่ รมว.ศึกษาคนปัจจุบันเข้าไปเกี่ยวข้อง ดังนั้น จะสอนเด็กก็คงลำบาก เพราะเด็กอาจได้เรียนรู้ว่า เมื่อทำเช่นนี้โตขึ้นจะได้เป็นรัฐมนตรี 
"การประกาศของ พล.อ.ประยุทธ์ ทุกคนรู้ว่าจะนำ ม. 112 มาใช้ โดยก่อนหน้านี้ผมพูดเตือนเสมอว่า อย่าเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยนำมาปกป้องตนเอง พวกตัวเอง แล้วไปทำลายฝ่ายตรงข้ามที่คิดแตกต่างจากตัวเอง" 
อีกอย่าง ตนได้ยินมาว่า คดี ม.112 จะมอบให้ใครไปฟ้องใครไม่ได้ แต่เป็นหน้าที่ของอัยการสูงสุด เมื่อนายกฯมาอธิบายกลับเป็นคนละเรื่องว่า ร.10 ไม่ประสงค์ให้ดำเนินคดี ม.112 กับคนที่หมิ่น เมื่อพูดเช่นนี้จึงเท่ากับเปิดประตูบานใหญ่ออกมาต้อนรับปัญหา 
วันนี้คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ พูดมาเป็นปีแล้ว และจากนั้นไม่มีคดี ม. 112 เลย เมื่อคิดจะกลับมาใช้ในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันอีกครั้ง ควรต้องมีคนแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้หรือไม่

"การอธิบายของนายกฯในคดี ม.112 เท่ากับเปิดช่อง และเป็นการสร้างความเดือดร้อนหนักเข้าไปอีก วันนี้เราต้องยึดหลักด้วยความเข้าใจ โดยต้องดึงกลุ่มชุมนุมกลับมา ไม่ใช่ผลักใส ควรทำความเข้าใจต่อกัน และเมื่อตั้งข้อหา ม.112 แล้วจะหยุดกันหรือไม่"
พร้อมกล่าวว่า เมื่อฝ่ายที่รับผิดชอบไม่ได้แสดงออกถึงความรับผิดชอบเลย ที่ผ่านมาไปทำอะไรอยู่ แล้วจะนำ ม.112 มาใช้เป็นมาตรการสุดท้าย แต่ไปกระทบกับสถาบันพระมหากษัตริย์หนักเข้าไปอีก

"จตุพร" คาด "ประยุทธ์" ใช้ ม.112 จัดการม็อบราษฎรไม่อาจหยุดการชุมนุมได้


ส่วนการพูดถึงคนติดคุกนั้น ตนอาจเข้าใจคนคุกมากที่สุดคนหนึ่งเพราะติดมา 4 ครั้งแล้ว ซึ่งคุกเป็นพื้นที่ละเอียดอ่อน เปราะบาง ถ้าออกจากคุก ตนมักเตือนมิตรเสมอว่า อย่าพูดเรื่องของคุกที่ทำให้คนในคุกเดือดร้อน 
นอกจากนี้ การใช้ชีวิตในคุกที่ลำบากอยู่แล้ว ยิ่งนักโทษถูกตีตรวนตลอดเวลา แม้คดีมีโทษเล็กน้อยก็ตาม แต่ความจริงการตีตรวจจะมีเฉพาะนักโทษประหารชีวิต และการมีชีวิตในคุกจึงเป็นความลำบากอย่างยิ่งอยู่แล้ว ดังนั้น พื้นที่คุกเปราะบาง เพราะมีมาตรการเข้มข้นกับคนในคุกมากที่สุด ดังนั้น ฝ่ายใดจึงไม่สมควรนำเรื่องในคุกมาพูดให้คนคุกเดือดร้อน

logoline