ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน หลังจากพบกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล นายเบนจามิน เนทันยาฮู ปอมเปโอก็ได้เดินทางไปยังเขตเวสต์แบงก์ของปาเลสไตน์ เพื่อเยี่ยมชมโรงงานผลิตไวน์ ของผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอลซึ่งมีการตั้งชื่อไวน์ตัวหนึ่งตามชื่อเขา
การเดินทางขึ้นไปยังที่ราบสูง และโรงเหล้าไวน์ ของปอมเปโอ เกิดขึ้นในช่วงที่เขาเดินทางเยือนตะวันออกกลางอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในช่วงเดือนท้าย ๆ ของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทรัมป์สร้างความพอใจให้กับอิสราเอลในปี 2562 โดยการรับรองเรื่องการอ้างอธิปไตยของประเทศเหนือที่ราบสูงโกลันที่อิสราเอลยึดมาจากซีเรียในสงครามปี 2510 และต่อมาผนวกเป็นดินแดนของตน ซึ่งเรื่องนี้เป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาคมระหว่างประเทศส่วนใหญ่
เมื่อปีที่แล้ว ปอมเปโอได้ล้มนโยบายต่างประเทศของสหรัฐที่ใช้กันมานานหลายทศวรรษ โดยประกาศว่าสหรัฐ ภายใต้การนำของทรัมป์ ไม่ได้มองว่าการตั้งถิ่นฐานของชาวอิสราเอลในเวสต์แบงก์ "ไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ" อีกต่อไป
การตัดสินใจนี้และอื่น ๆ ได้รับการต้อนรับด้วยความผิดหวังจากชาวปาเลสไตน์ ที่คว่ำบาตรทำเนียบขาวในยุคทรัมป์เป็นเวลาเกือบสามปี โดยกล่าวหาว่าสหรัฐเข้าข้างฝ่ายอิสราเอลอยู่ตลอด
ชาวปาเลสไตน์ระบุว่าพวกเขาจะกลับไปมีความสัมพันธ์ตามปกติกับวอชิงตัน เมื่อว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเข้ารับตำแหน่ง งานนี้ถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นการแสดงความปรารถนาดีต่อรัฐบาลในอนาคตของเขา
อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า การตัดสินใจของทรัมป์มากน้อยแค่ไหน ที่จะถูกยกเลิกโดยรัฐบาลไบเดน