svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ก้าวไกล"ผิดหวังสภาฯดับฝันปชช.แก้รัฐธรรมนูญตีตกร่างไอลอว์

18 พฤศจิกายน 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ก้าวไกล" ผิดหวังรัฐสภาปิดกั้นความฝันประชาชนหลังตีตกร่างไอลอว์วาระเเรก ขณะที่ "พิธา" ย้ำพร้อมเดินหน้าสานต่อในชั้นกรรมาธิการ ด้าน "ชัยธวัช" จี้ตำรวจรับผิดชอบกระทำเกินกว่าเหตุต่อผู้ชุมนุม

19 พฤสจิกายน 2563 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค และพล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรค และส.ส.ของพรรค ร่วมกันเเถลงข่าวภายหลังการโหวตพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระเเรก เเละประเด็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อกลุ่มผู้ชุมเมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา รวมถึงกรณีการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ต่อผู้ชุมนุมในอนาคต

โดยนายพิธา กล่าวว่า เเม้ว่ารัฐสภาจะรับหลักการในร่าง1 และ 2 ซึ่งเป็นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของรัฐบาลเเละฝ่านค้าน แต่ ส.ส.รัฐบาล เเละสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ส่วนใหญ่ ไม่ยอมรับหลักการในร่างของภาคประชาชนหรือไอลอว์ ในกรณีที่เกิดขึ้นผิดหวังที่รัฐสภาทำลายความฝัน เเละผลักความขัดเเย้งไปสู่ท้องถนนอีกหนึ่งครั้ง เเต่ที่น่าผิดหวังมากไปกว่านั้น คือ การอภิปรายเเละทัศนคติของสมาชิกรัฐสภาฝ่ายรัฐสภา เเละ ส.ว. ที่กล่าวหาว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองเเละล้มล้างสถาบันฯ

นายพิธา กล่าวต่อว่า ถือเป็นการอภิปรายที่อันตรายมากในการนำสถาบันฯ มาเป็นเกราะกำบัง เป็นการกระทำที่จะนำประเทศไปสู่ความรุนแรงและทางตัน อีกทั้ง ยังมีระเบิดเวลาที่ยังไม่ถูกปลดออก คือ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ญัตติที่ 4 การยกเลิกอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ที่ยังคงอยู่ หากในอนาคตเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง นายกฯลาออกหรือมีการยุบสภาฯ แต่กฎกติกายังเหมือนเดิมความขัดแย้งเหล่านี้ก็พร้อมที่จะเปิดได้อีกทุกเมื่อ




สำหรับการใช้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลเป็นร่างหลักนั้น ปัญหา คือ ที่มาของสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. ยังมาจากการแต่งตั้งจำนวน 50 คน จึงอาจนำสู่การล็อกสเปคของ สสร. ที่ไม่ยึดกับพื้นฐานประชาธิปไตย แม้รัฐสภาจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนในวาระแรก แต่ยังเชื่อว่าจะสามารถเปลี่ยนผ่านอย่างสันติได้ โดยพรรคก้าวไกลจะยังนำหลักสำคัญในร่างฉบับของประชาชนนำไปผลักดันต่อในชั้นกรรมาธิการวาระ 2 และ 3

"พรรคก้าวไกลยืนยันมุ่งมั่นเพื่อให้อำนาจของ สสร. พิจารณาได้ถูกหมวด ทุกมาตรา เพื่อให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นรัฐธรรมนูญที่สะท้อนเจตจำนงของพี่น้องประชาชนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" นายพิธา กล่าว

ด้าน นายชัยธวัช กล่าวถึงกรณีการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อผู้ชุมนุมหน้าอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 17 พ.ย. ว่า ส.ส.ของพรรคได้ไปสังเกตการณ์ตลอดทั้งวัน ซึ่งพบว่าการควบคุมการชุมนุม มีความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีการฉีดน้ำแรงดันสูง มีการใช้แก๊สน้ำตา โดยเป็นการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ได้สัดส่วนกับข้อเท็จจริง ทั้งยังเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และไม่เป็นไปตามหลักสากล ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บมากถึง 55 คน รวมทั้งมีประชาชนถูกแก๊สน้ำตา จนส่งผลให้มีอาการแพ้อย่างรุนแรง 32 คนเป็นอย่างน้อย

นอกจากนี้ ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการปฏิบัติสองมาตรฐานระหว่างผู้ชุมนุมคณะราษฎรกับกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อเหลือง และปล่อยให้เกิดการปะทะกันระหว่างประชาชนสองกลุ่ม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำ คือ ป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะกัน แต่ข้อเท็จจริง ปรากฎเจ้าหน้าที่กลับไม่มีการดำเนินการอย่างเต็มที่ ในจุดที่มีความอ่อนไหว และปล่อยให้ปะทะทั้งในช่วงบ่ายและในยามวิกาล เหมือนตั้งใจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ล่าสุดมีรายงานว่ามีผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรถูกยิงด้วยกระสุนจริง 6 ราย สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ตน และ ส.ส.พรรค ได้ไปสังเกตการณ์ตามจุดต่างๆ และไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากการถูกยิงและระเบิดปิงปองเมื่อคืนวันที่ 17 พ.ย.

"การแถลงจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เหตุผลอย่างไม่น่าจะรับได้ว่า สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ไม่เข้าไปดูแลจุดปะทะเพราะเจ้าหน้าที่ต้องมีความเป็นกลาง ความเป็นกลางด้วยการอยู่เฉยๆ ปล่อยให้ประชาชนปะทะกัน ถึงขั้นใช้ความรุนแรงแบบนี้ คงต้องบอกว่าเป็นมิติใหม่ของการดูแลความสงบเรียบร้อยที่ไม่สามารถยอมรับได้อีกต่อไป" นายชัยธวัช กล่าว

อย่างไรก็ตาม ขอตั้งคำถามไปยังผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ว่า มีตำรวจเป็นจำนวนมากมาดูแลสถานที่ เหตุใดจึงปล่อยให้มีบุคคลบางกลุ่มใช้อาวุธร้ายแรงต่อผู้ชุมนุมอีกฝ่ายได้ โดยไม่เข้าไประงับเหตุและไม่มีการดำเนินการใดๆ ต่อกลุ่มผู้ใช้อาวุธหลังก่อเหตุร้ายแรงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กับการดำเนินการต่อการชุมนุมโดยสงบของนักเรียน นิสิต นักศึกษาที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งแจ้งข้อหาและออกหมายจับแกนนำผู้ชุมนุมอย่างรวดเร็วเสมอ

"หากไม่มีการดำเนินคดีต่อผู้ใช้อาวุธอย่างรวดเร็ว นั่นหมายความว่าเป็นการส่งสัญญานจากผู้บริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติรวมทั้งนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยตรงว่า หลังจากนี้ผู้มีอำนาจเปิดทางอนุญาตให้กลุ่มคนเสื้อเหลืองใช้อาวุธต่อนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน กลุ่มราษฎรที่เห็นต่างจากผู้มีอำนาจได้" เลขาธิการพรรค กล่าว

นอกจากนี้ ผลการลงมติเช่นนี้ของทางรัฐสภา คือ การปัดตกความฝันของประชาชน ซึ่งทางพรรคได้พยายามอภิปรายให้เห็นความสำคัญของนัยยะเรื่องนี้ รวมทั้งรัฐสภาได้ทิ้งโอกาสสำคัญในการผนวกรวมความเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากในสังคมไทย เป็นการสูญเสียของสภาฯ ในการมาสร้างพื้นที่ปลอดภัย เพื่อมาหาข้อยุติตามกระบวนการประชาธิปไตยอย่างสันติ หากเมื่อใดที่ประชาชนเห็นว่ากลไกรัฐสภาไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้วจะเป็นอันตราย

ขณะที่ พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวถึงแนวทางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อผู้ชุมนุมในอนาคต ว่า ข้าราชการตำรวจที่ต้องปฏิบัติงานภายใต้เเรงกดดันในขณะนี้ เหตุการณ์ที่ผ่านมาได้ปล่อยปละละเลยการเข้าไปควบคุมผู้ชุมนุมโดยสันติ เพราะผู้ชุมนุมใช้สิทธิเเละเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ จึงไม่ควรใช้การกระทำที่รุนเเรง ดังนั้น ขอฝากไปยังผู้บังคับบัญชาของ สตช. ควรจะมีการเจรจาต่อรองต่อผู้ชุมนุม เพื่อที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีกในอนาคต สิ่งสำคัญ คือ การปฏิบัติผู้นำต้องจริงใจ เพื่อไปสู่การคุ้มครองความปลอดภัยของผู้ชุมนุมในอนาคต

"ก้าวไกล"ผิดหวังสภาฯดับฝันปชช.แก้รัฐธรรมนูญตีตกร่างไอลอว์

logoline