งานวิจัยชี้โควิด-19 อาจระบาดในอิตาลีก่อนอู่ฮั่น

รายงานผลการศึกษาที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญและเผยแพร่ในวารสารทูโมริ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่า นักวิจัยตรวจตัวอย่างเลือดที่ได้จากโครงการตรวจหามะเร็งปอดในอิตาลี และพบสารภูมิต้านทาน หรือ แอนติบอดี ป้องกันเชื้อไวรัสซาร์ส คอฟ-2 ที่ก่อโรคโควิด-19 ในตัวอย่างจากผู้ป่วยทั่วประเทศในทุกเดือนในช่วงการวิจัยนาน 6 เดือนเริ่มจากเดือน ก.ย. 2562 การพบแอนติบอดี้ดังกล่าวทำให้ระบุได้ว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดในอิตาลีตั้งแต่เดือน ก.ย.ปีที่แล้ว ก่อนพบผู้ติดเชื้อรายแรกในเมืองอู่ฮั่นของจีนเมื่อปลายเดือน ธ.ค.
รายงานชิ้นนี้รวบรวมข้อมูลจากการตรวจตัวอย่างเลือดของอาสาสมัครเกือบ 1,000คนที่เข้าร่วมโครงการตรวจหามะเร็งปอดทั่วประเทศเมื่อปีที่แล้ว และพบแอนติบอดีต่อต้านไวรัสโรคโควิด-19 ในเลือดของคนกลุ่มนี้ ซึ่งปกติแล้วร่างกายจะผลิตแอนติบอดีหลังได้รับการติดเชื้อ และนับจากช่วงสัปดาห์แรกของเดือน ก.ย.ปีที่แล้วจนถึงสิ้นเดือน ก.พ.ปีนี้ พบผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 1 คนใน 1 แคว้นจากทั้งหมด 13 แคว้นทั่วอิตาลี

การพบจุดเริ่มต้นของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะช่วยสามารถป้องกันการระบาดได้ในอนาคต แต่ที่ผ่านมาการโต้เถียงเรื่องต้นตอของการระบาดถูกแทรกแซงด้วยการเมืองระหว่างประเทศ โดยสหรัฐกล่าวโทษว่าจีนเป็นต้นตอที่ทำให้การระบาดแพร่ไปทั่วโลก
ก่อนหน้านี้ผลการศึกษาของนักวิจัยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด พบว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อาจเริ่มแพร่ระบาดนอกเมืองอู่ฮั่นก่อน และนักวิจัยของสถาบันปาสเตอร์ในฝรั่งเศส ก็พบว่า สายพันธุ์ของไวรัสที่แพร่ในฝรั่งเศสแตกต่างจากไวรัสที่ระบาดในจีน นอกจากนี้นักวิจัยในสเปน อิตาลี และบราซิล ตรวจพบยีนของไวรัสในตัวอย่างน้ำเสียช่วงหลายเดือน ก่อนที่องค์การอนามัยโลกจะประกาศว่าเป็นการระบาดทั่วโลกแต่ข้อมูลเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นการประเมินด้วยคอมพิวเตอร์ หรือ เป็นหลักฐานเพียงส่วนน้อยเป็นรายกรณี จึงยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอหักล้างทฤษฎีที่ว่า ไวรัสมีต้นตอจากอู่ฮั่น