โลกยังคงเผชิญวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่อยู่ที่มากกว่า477,000 คน ติดเชื้อสะสมทะลุ 55 ล้านคน และเสียชีวิตมากกว่า 1 ล้าน 3 แสนคนสหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อใหม่อีกมากกว่า 148,000 คน ติดเชื้อสะสมมากกว่า 11 ล้าน 5 แสนคน และเสียชีวิตมากกว่า 252,000 คน
แม้จะเริ่มมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เมื่อ "โมเดอร์นา" บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐฯ เผยผลการทดสอบระยะที่ 3 ของวัคซีน "mRNA-1273" มีศักยภาพในการป้องกันสูงถึง 94.5% และกำลังจะขออนุญาตจากทางการสหรัฐฯ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อให้วัคซีนสามารถใช้งานฉุกเฉินได้
ชาวอเมริกันส่วนใหญ่อาจจะไม่ได้รับวัคซีนจนกว่าจะถึงปีหน้า ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วประเทศพุ่งต่อเนื่องเกิน 10 วัน รัฐอิลลินอยส์ เว็บไซท์ของกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า มีผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วประเทศเฉลี่ยวันละกว่า 100,000 คน โดยรัฐอิลลินอยส์มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 10,000 คน ในวันเดียว ส่วนรัฐแคลิฟอร์เนียเพิ่มจากสัปดาห์ที่แล้ว 51.3%
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขและผู้ว่าการรัฐต่างๆ กำลังวิตกว่า "วันขอบคุณพระเจ้า" ที่สมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนฝูงไปรวมตัวกัน อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้การแพร่ระบาดลุกลาม คือการที่ผู้คนออกไปสังสรรค์กับเพื่อนและครอบครัว ที่ไม่ได้พักอยู่ด้วยกัน และทึกทักกันเอาเองว่า ไม่มีผู้ติดเชื้อในหมู่พวกเขา ทั้งยังเพิกเฉยคำแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัย และรักษาระยะห่างทางสังคม
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือ ตอนนี้ 49 ใน 50 รัฐ มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมี 34 รัฐ ที่อยู่ในโซนอันตรายคือสีส้มหรือสีแดง บุคลากรการแพทย์เริ่มขาดแคลน เคสศัลยกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ถูกเลื่อน ผู้ป่วยหนักบางคนต้องรอหลายชั่วโมงกว่าจะได้เตียงในห้องไอซียู สถาบันชี้วัดและประเมินผลด้านสุขภาพของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน เตือนว่า ถ้า 95% ของชาวอเมริกัน สวมหน้ากากอนามัย ก็อาจจะช่วยรักษาชีวิตไว้ได้ 68,000 คน ภายในวันที่ 1 มีนาคม แต่ถ้าไม่ ก็คาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตมากถึง 439,000 คน ภายในวันที่ 1 มีนาคมเช่นกัน