ผลเลือกตั้งสหรัฐฯ ไม่ได้วัดจากคะแนนรวมทั้งประเทศ แต่วัดจากผลในระดับรัฐ โดยเราอาจแบ่งรัฐต่างๆ ออกได้เป็น 2 ประเภท คือ 1. รัฐที่เป็นฐานเสียงของพรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง คือเป็นรัฐที่ "เชื่อขนมกินได้" ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งว่า ผลที่จะออกมาต้องเป็นไปตามความคาดหมาย และ 2. รัฐที่ไม่ได้เป็นฐานเสียงของพรรคใดก็ตาม และผลการเลือกตั้งมักจะ "คาดเดาไม่ได้" เราเรียกรัฐประเภทนี้ว่า "สวิงสเตท"
ในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง จำนวนสวิงสเตทจะแตกต่างกันออกไป โดยในปีนี้ จากการรวบรวมของสื่อหลายสำนัก พบว่าสวิงสเตทมีด้วยกัน 14 รัฐ ได้แก่ แอริโซนา, ฟลอริดา, จอร์เจีย, ไอโอวา, มิชิแกน, มินนีโซตา, เนวาดา, นิวแฮมเชียร์, นอร์ธแคโรไลนา, โอไฮโอ, เพนซิลเวเนีย, เท็กซัส, เวอร์จิเนีย, และวิสคอนซิน ในจำนวนนี้เป็นรัฐที่โดนัลด์ ทรัมป์คว้าชัยชนะมาได้ 10 รัฐ ส่วนอีก 4 รัฐเป็นรัฐที่ฮิลลารี คลินตันมีคะแนนนำ นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตว่า บางรัฐที่เคยเป็น "ฐานเสียงอันเหนียวแน่น" ของพรรครีพับลิกันอย่างเท็กซัสและจอร์เจียก็ได้กลายมาเป็นสวิงสเตทในการเลือกตั้งรอบนี้ ขณะที่รัฐมิชิแกนและวิสคอนซินที่ปกติมักโหวตให้พรรคเดโมแครตก็เป็นสวิงสเตทเช่นกัน
แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่ารัฐไหนเป็นสวิงสเตทบ้าง? มี 4 ปัจจัยหลักที่เป็นตัวกำหนด ได้แก่
1. ผลการเลือกตั้งในอดีต หากเรามองย้อนกลับไปประมาณ 20-30 ปี จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า รัฐไหนบ้างที่ "เปลี่ยนขั้ว" บ่อยๆ
2. ผลโพลล์ในปัจจุบัน โดยเปรียบเทียบหลายสำนักในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา รัฐไหนที่ทรัมป์และไบเดนผลัดกันนำและผลัดกันตามอยู่บ่อยๆ นั่นคือสวิงสเตท
3. การเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนประชากร โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ใช่คนผิวขาว เช่น ประชากรที่มีเชื้อสายแอฟริกันอเมริกัน เชื้อสายเอเชีย และเชื้อสายละตินอเมริกันซึ่งเป็น "ฐานเสียงหลัก" ของพรรคเดโมแครต โดยหากรัฐไหนมีการอพยพโยกย้ายของประชากรกลุ่มเหล่านี้มาก ก็จะยิ่งเพิ่มคะแนนเสียงให้กับพรรคเดโมแครต
4. เรตติ้งของตัวผู้สมัครเอง อย่างในการเลือกตั้งรอบนี้ นักวิเคราะห์มองว่า เป็นการทำ "ประชามติ" ต่อฝีมือในการบริหารประเทศของทรัมป์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา มากกว่าจะเป็นการเปรียบเทียบระหว่างทรัมป์กับโจ ไบเดนโดยตรง
ในความเป็นจริงจาก 14 สวิงสเตท มีอยู่เพียง 6 รัฐเท่านั้นที่คนทั้งโลกต้องจับตามากเป็นพิเศษ ได้แก่ ฟลอริดา ไอโอวา มิชิแกน โอไฮโอ เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน นี่คือรัฐที่ถูกเรียกว่า "รัฐสมรภูมิ" โดยในปี 2555 อดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามาสามารถกวาดชัยชนะมาได้ทั้งหมด แต่ 4 ปีต่อกลับพลิกขั้วไปสนับสนุนทรัมป์ทั้งหมด และที่สำคัญรัฐเหล่านี้ยังเป็นรัฐขนาดกลางถึงใหญ่ที่มีจำนวนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงมาก ด้วยเหตุนี้เราจึงมักเห็นทรัมป์และไบเดนวนเวียนลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียงในรัฐเหล่านี้อยู่บ่อยๆ และยังมีการทุ่มงบประมาณรวมทั้งเม็ดเงินโฆษณาแบบ "หมดหน้าตัก" ลงไปยังพื้นที่เหล่านี้ด้วย
ผลโพลล์ล่าสุดพบว่า ความคู่คี่สูสีในทั้ง 6 รัฐแตกต่างกันออกไป
1. รัฐฟลอริดา ทรัมป์และไบเดนผลัดกันหายใจรดต้นคอ ล่าสุดคะแนนเสียงเท่ากันที่ 48%
2. รัฐไอโอวา ไบเดนนำทรัมป์เล็กน้อย 48% ต่อ 46%
3. รัฐมิชิแกน ไบเดนนำทรัมป์ค่อนข้างห่าง 51% ต่อ 42%
4. รัฐโอไฮโอ ทรัมป์นำไบเดนแค่ 1 จุด 47% ต่อ 46%
5. รัฐเพนซิลเวเนีย ไบเดนนำทรัมป์ 50% ต่อ 46%
6. รัฐวิสคอนซิน ไบเดนนำค่อนข้างห่าง 50% ต่อ 44%
จะเห็นได้ว่าในภาพรวม 6 รัฐนี้ผลโพลล์ออกมาสูสีกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนอย่างชัดเจน เช่น โอไฮโอที่ทรัมป์เคยชนะฮิลลารีกว่า 8 จุด มาครั้งนี้กลับนำไบเดนแค่จุดเดียว และรัฐไอโอวาที่ทรัมป์เคยชนะฮิลลารีเกือบ 10 จุด มาตอนนี้กลับถูกไบเดนแซงได้
แต่หลายคนยังไม่ลืมเหตุการณ์ "ช็อกโลก" เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ที่ทรัมป์ชนะฮิลลารีได้อย่างเหนือความคาดหมาย ทั้งที่โพลล์แทบทุกสำนักคาดว่าฮิลลารีจะเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศ ดังนั้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทรัมป์จึงหวังว่า "ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย" อีกครั้ง!