ราคายางลด ทดสอบแนวต้าน

หลังจากที่ราคาซื้อขายยางแผ่นรมควันชั้น 3 ณ สำนักงานตลาดกลางยางพาราจังหวัดสงขลา ด้วยวิธีการประมูลปรับสูงขึ้นตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.63 ที่ราคา 66.22 บาทต่อกิโลกรัมและปรับขึ้นสูงสุดเมื่อวันที่ 28 ต.ค.63 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 82.80 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สูงในรอบ 3 ปี 5 เดือน แต่วันนี้ (29 ต.ค.63) ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ณ สำนักงานตลาดกลางยางพาราจังหวัดสงขลาปรับลดลงมาอยู่ที่ 80.95 บาทต่อกิโลกรัม
นายธาดา พรหมมี ผู้อำนวยการสำนักงานตลาดกลางยางพาราจังหวัดสงขลา เปิดเผย "ผู้สื่อข่าว"ว่าราคายางแผนรมควันชั้น 3 ที่ปรับตัวลดลงนั้นเป็นการทดสอบแนวต้าน และการเทขายทำกำไรในตลาดซื้อขายล่วงหน้าในต่างประเทศ หลังจากที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากผลผลิตที่ลดลงสวนทางความต้องการตลาด
"ราคาที่ปรับแบบหวือหวาและสูงรายวันมาตั้งแต่เปิดตลาดซื้อขายวันที่ 26 ต.ค.63 โดยผู้ส่งออกเข้ามาประมูลราคาเนื่องจากต้องการสินค้าเพื่อส่งมอบลูกค้าตามสัญญาช่วงปลายปีก่อนปีใหม่"
นายธาดา กล่าวและว่า นอกจากผลผลิตยางที่ออกสู่ตลาดลดลงเนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝนที่ตกต่อเนื่องในหลายพื้นที่ๆเป็นแหล่งปลูกยางสำคัญแล้วความต้องการน้ำยางสดที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกษตรกรหันไปขายน้ำยางสดแทนการขายยางแผ่น ส่งผลให้ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ปรับเพิ่มขึ้นสูงแบบรายวัน

ผู้อำนวยการสำนักงานตลาดกลางยางพาราจังหวัดสงขลา กล่าวว่า แม้ว่าวันนี้ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 จะปรับตัวลดลงแต่เป็นการปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
"เราหวังแค่ราคาเห็นราคา 80 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น สำหรับยางแผ่นรมควันในสัปดาห์นี้ แต่ราคาปรับขึ้นไปถึง 82.80 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเกินที่คาดการณ์"
ประกอบกับมีความกังวลว่าหากไม่มีแนวต้านของราคาในวันนี้ก็อาจจะทำให้ราคามีการปรับเพิ่มขึ้นจนขาดปัจจัยพื้นฐานรองรับจึงเหมือนเป็นการปรับฐานราคาให้นิ่งไม่ให้หวือหวาผู้อำนวยการสำนักงานตลาดกลางยางพาราจังหวัดสงขลา ยังกล่าวอีกว่า สำหรับแนวโน้มราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ในช่วงปลายปีนี้จะยังมีราคาสูงต่อไป

เนื่องจากปัจจัยผลผลิตยางที่ยังมีแนวโน้มลดลง จากฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ เช่น วันนี้ปริมาณยางใน2จังหวัดไม่มีเข้ามาเลยในตลาดเนื่องจากมีฝนตกในขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเชื้อราใบร่วงในยางพาราเพิ่งจะเริ่มต้นในขณะนี้ ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าในปีนี้กาแพร่ระบาดจะรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมาเนื่องสภาพฝนที่ตกยาวนานกว่า
ฉะนั้นผลผลิตยางพาราในพื้นที่ภาคใต้ปีนี้จะลดลงแน่นอนจากปัญหาโรคเชื้อราใบร่วงในยางพาราและฤดูฝนที่ยาวกว่าปีที่ผ่านมาไปจนถึงม.ค.ปีหน้า (2564)