"ไผ่ ดาวดิน" จัดชุมนุมโทรโข่ง พร้อมเพื่อนจากเรือนจำ

เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 29 ตุลาคม 2563 ที่ศูนย์อาหารและบริการ 1 (คอมเพล็กซ์) ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีนักเรียน นักศึกษา ทั้งกลุ่มดาวดิน และกลุ่มขอนแก่นพอกันทีกว่า 100 คน ร่วมกันชุมนุมและร่วมจัดกิจกรรม ภายใต้ชื่อ "ราษฏรทั้งหลาย พึงรู้เถิดว่า โทรโข่งนี้เป็นของประชาชนทุกคน" #โทรโข่งของราษฏร # ราษฏรขอนแก่น โดยมี นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดินและกลุ่มผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมในกรุงเทพฯ ซึ่งถูกจับกุมและถูกปล่อยตัวออกมาอีก 6 คนคือ นายวันชัย สุธงสา นายไดโน๊ะ ซาโต๊ะ ไดโน่ นายมุสิก ผิวอ่อน นายกิตติภูมิ ทะษา นายทรงพล สนธิรักษ์ นายปวริศ แย้มยิ่ง ซึ่งทุกคนสับเปลี่ยนกันพูดผ่านโทรโข่ง เล่าถึงประสบการณ์ของตัวเอง ที่พบเจอในการชุมนุม และการถูกจับกุม ควบคุมตัวในเรือนจำ จนถึงวันถูกปล่อยตัวออกมา ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมชุมนุมเป็นอย่างมาก โดยทั้งหมดยืนยันว่าจะร่วมกันชุมนุมถึงเวลา 21.30 น.ก็แยกย้ายกัน ท่ามกลางการรักษาความสงบเรียบร้อยของ รปภ.มข.และเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองขอนแก่น

นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน กล่าวถึงการชุมนุมในครั้งนี้ว่า เป็นการจัดกิจกรรมราษเรียน เนื่องจากว่า ช่วงนี้น้องๆนักเรียนกำลังจะสอบจึงจัดพื้นที่เป็นพื้นที่ราษฎรเรียน โดยให้น้องๆมานั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบ เพียงแค่มานั่งฟังคำปราศรัย มานั่งอ่านหนังสือก็เป็นการเข้าร่วมกับอุดมการณ์ 3 ข้อในการไล่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และปฏิรูปสถาบันกษัตริย์แล้ว"
ไผ่ ดาวดิน กล่าวอีกว่าจะเห็นว่า แม้เราไม่มีเวที แต่ก็ถือได้ว่าเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ใช้โทรโข่งพูดปราศรัย ภายใต้ concept ที่ว่าราษฎรทั้งหลายพึงรู้ไว้เถิดว่าโทรโข่งนี้เป็นของราษฎร ปัญหาต่างๆจะถูกพูดถึง โดยจะใช้โมเดลของราชประสงค์เพราะขณะนี้ม็อบแกนนอนมาแรงและใช้ได้ดีทุกคนแฮปปี้จึงจัดที่ขอนแก่น

ไผ่ ดาวดิน ยังกล่าวถึงข้อเรียกร้องต่างๆที่เรียกร้องไป แต่นายกรัฐมนตรีไม่ยอมลาออก ว่า ตอนนี้ทุกคนก็ยังจะไม่ลบความฝัน แต่จะทำเพิ่มและเพิ่มความพยายามเพิ่มความตั้งใจเพิ่มความเสียสละและเพิ่มอะไรอีกหลายๆอย่างมากขึ้นในการจัดกิจกรรมครั้งต่อๆไป ผู้ชุมนุมจะดูตามสถานการณ์และความเหมาะสม
สำหรับการยกระดับปิดถนนมิตรภาพนั้น ไผ่ ดาวดิน กล่าวว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ยนายกรัฐมนตรียังไม่ลาออก การเคลื่อนไหวก็มีการยกระดับขึ้นก็ไปเรื่อยๆและจะเพิ่มขึ้นมากอีก รอดูแล้วกันต่อไปว่าจะปิดหรือไม่ปิดถนนมิตรภาพ
ส่วนการประชุมวิสามัญมองว่า เห็นเรื่องราวต่างๆมากมาย ไม่เป็นที่น่าพอใจ เห็นวิธีคิด ทำให้ชัดเจนว่า สว.เป็นปัญหาของสังคมไทยจริงๆ สว.เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ สว.เป็นอุปสรรคกับการแก้ไขปัญหา ระบบรัฐสภาใช้ไม่ได้ ในขณะที่ประธานสภาก็ไม่พูดเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ทั้งที่เป็นเรื่องที่ควรต้องพูดในสภามากที่สุด จึงคิดว่ากลไกรัฐสภายังมีปัญหา ฉะนั้นคณะราษฎรที่เคลื่อนไหวอยู่คาดหวังกับราษฎรมากกว่า ราษฎรต้องออกมาเคลื่อนไหวออกมาเรียกร้องตราบใดที่คนไกลรัฐสภาไม่เปลี่ยนแปลงหรือไม่ยกเลิกสว.250คน นี้มีปัญหาแน่