ด้วยเหตุนี้ โควิด-19 จึงหนีไม่พ้นกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีคราวนี้ โดยฝ่ายโจ ไบเดนมุ่งเน้นโจมตีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่า "ล้มเหลว" ในการรับมือกับโรคโควิด-19 อย่างตอนที่อดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา ลงพื้นที่ช่วยไบเดนหาเสียงครั้งแรกโอบามาก็ไม่รีรอที่จะโจมตีว่า ทรัมป์ไม่สามารถปกป้องชาวอเมริกันได้ เพราะขนาดตัวเองยังป้องกันไม่ได้ จนปล่อยให้ติดเชื้อโควิด-19
ขณะเดียวกันทรัมป์ทราบดีว่านี่คือจุดอ่อนที่สุดของเขา ทรัมป์ก็เลยพยายามพลิกประเด็นโควิด-19 ให้กลายเป็นเรื่องเศรษฐกิจ โดยอ้างว่าเขาไม่มีทางล็อกดาวน์ประเทศ ไม่เหมือนกับไบเดนที่พร้อมล็อกดาวน์ เพราะมัวแต่ฟังนักวิทยาศาสตร์จนประเทศอาจเจอกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่
นอกจากนี้ทรัมป์ยังพยายาม "วาดวิมานในอากาศ" เกี่ยวกับเรื่อง "วัคซีน" ป้องกันโควิด-19 โดยอ้างว่าวัคซีนน่าจะพร้อมก่อนเลือกตั้ง แต่พอใกล้เลือกตั้งทรัมป์กลับบอกว่า เดี๋ยวอีกไม่กี่สัปดาห์ก็พร้อมแล้ว ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่ใช่เช่นนั้น เนื่องจากขณะนี้มีวัคซีนอยู่ 4 ตัวที่กำลังอยู่ระหว่างทดสอบทางคลินิกเฟสที่ 3 ในสหรัฐฯ โดยยังไม่มีผู้ผลิตรายใดที่ยืนยันเลยว่า วัคซีนจะพร้อมภายในปีนี้ แถมการกล่าวอ้างของทรัมป์ยังทำให้ประชาชนจำนวนมากเคลือบแคลงสงสัยด้วยว่า หากวัคซีนพร้อมภายในปีนี้จริง วัคซีนดังกล่าวจะปลอดภัยจริงหรือไม่
แม้เรื่องโควิด-19 จะเป็นเรื่องใหญ่ แต่ในการตัดสินใจเลือกใครเป็นประธานาธิบดี ประชาชนอาจคำนึงถึงปัจจัยอื่นมากกว่า โดยการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้โดยสำนักวิจัย Gallup พบว่า 3 เรื่องที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในสหรัฐฯ ให้ความสำคัญมากที่สุดในการตัดสินใจ คือ 1. เศรษฐกิจ 2. ความมั่นคงและก่อการร้าย และ 3. โควิด-19
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าเศรษฐกิจก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19 เช่นกัน ทั้งจีดีพีที่หดตัว 31.4% ในช่วงไตรมาสสองที่ผ่านมา คนว่างงานที่ทำสถิติสูงสุด 14.7% เมื่อเดือนเมษายน ขณะที่งบประมาณเยียวยาซึ่งสภาคองเกรสออกมาแล้ว 3 ก้อน รวม 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็น 112 ล้านล้านบาท มากกว่ามูลค่าจีดีพีไทยกว่า 6 เท่า แม้มีมูลค่า "มากที่สุดในประวัติศาสตร์" ของสหรัฐฯ แต่ก็ไม่เพียงพอ ทำให้ตอนนี้ทำเนียบขาวกับสภาคองเกรสกำลังเร่งเจรจางบเยียวยาก้อนที่ 4
โควิด-19 ส่งผลต่อการเลือกตั้งในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการหาเสียงที่ทรัมป์ยังคงไม่แคร์ จัดการหาเสียงแบบคนอัดแน่น ไม่สวมหน้ากาก ไม่เว้นระยะห่างต่อไป แต่ไบเดนเลือกที่จะจัดงานหาเสียงแบบปลอดภัยที่สุด เช่น การหาเสียงแบบ "ไดรฟ์-อิน" เวลาไบเดนพูดถูกใจก็ใช้วิธีการ "บีบแตร" แทน รวมทั้งในการใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่ปีนี้ชาวอเมริกันจำนวนมากหันมาลดความเสี่ยงติดเชื้อ ด้วยการ "เลือกตั้งทางไปรษณีย์" แต่การใช้สิทธิ์ทางไปรษณีย์อย่างล้นหลามก็อาจทำให้เกิดปัญหาล่าช้าในการนับคะแนนตามมาได้ จนอาจทำเรายังไม่ทราบผลผู้ชนะภายในค่ำคืนวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คราวนี้ไม่เหมือนการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา และคงจะถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ว่า เป็นการเลือกตั้งในยุคโควิด-19