นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า แต่ละพื้นที่จะมีการจัดกิจกรรมลอยกระทงตามแหล่งน้ำ อาจมีโอกาสเสี่ยงที่จะพลัดตกลื่นจมน้ำทำให้เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก ซึ่งเหตุการณ์ที่มักพบเห็นบ่อยๆ คือ การลงไปเก็บเศษเงินในกระทง
โดยระบุต่อว่า เพื่อเป็นการป้องกันการจมน้ำ กรมควบคุมโรค จึงขอให้ยึดหลัก 3 อย่าง
1อย่าใกล้: อย่ายืนใกล้ขอบบ่อ
2 อย่าเก็บ: อย่าลงไปเก็บกระทงหรือเงินในกระทง
3 อย่าก้ม: อย่าก้มไปลอยกระทง อีกทั้งผู้ปกครองควรดูแลเด็กอย่างใกล้ชิดและเพิ่มความระมัดระวังเมื่อนำเด็กเข้าใกล้แหล่
อีกทั้งยังมีการให้หน่อยงานที่จัดพื้นที่สำหรับลอยกระทง
1 กำหนดพื้นที่สำคัญสำหรับลอยกระทงให้ชัดเจน มีแสงสว่างอย่างเพียงพอ และทำรั้วหรือสิ่งกั้นขวาง เพื่อป้องกันเด็กตกลงไปในน้ำ รวมถึงมีผู้ดูแล
2 เตรียมอุปกรณ์สำหรับช่วยคนตกน้ำ ไว้บริเวณแหล่งน้ำดังกล่าวเป็นระยะ เช่น ห่างชูชีพ ถังแกลลอน เชือก ไม้
3 ติดป้ายคำเตือนไว้บริเวณที่เป็นพื้นเสี่ยงหรือห้ามลงไปลอยกระทง
นอกจากนี้ ทางกรมควบคุมโรคยังมีการเผยแพร่ข้อมูล หากย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วในวันลอยกระทง ปี พ.ศ.2553-2562 ได้เกิดการสูญเสียเด็กไทยจมน้ำ โดยพบว่า ช่วงเทศกาลลอยกระทง 3 วันได้แก่ ก่อนวันลอยกระทง วันลอยกระทง และหลังวันลอยกระทง มีคนจมน้ำและเสียชีวิตมากถึง 349 คน โดยเป็นเด็ก อายุต่ำกว่า 15 ปี ถึง 78 คน เป็นเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง 2 เท่าตัว กลุ่มอายุ 5-9 ปี มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 48.7
ขอบคุณเฟซบุ๊ก สำนักประชาสัมพันธ์เขต 7 กรมประชาสัมพันธ์