28 ตุลาคม 2563 เวลา 10.30 น. ที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน 4 แกนนำ "ม็อบปทุมวัน" ประกอบด้วย นายกรกช แสงเย็นพันธ์ , นางสุวรรณา ตาลเหล็ก , นายชาติชาย แกดํา , นายสิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ พร้อมทนายความ ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ตามหมายเรียกในข้อหาเกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกรณีการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม บริเวณแยกปทุมวัน
ทั้งนี้ นายกรกช กล่าวว่า วันนี้ได้มารายงานตัวตามหมายเรียกเกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ที่บริเวณแยกปทุมวัน ในวันที่มีการสลายการชุมนุม โดยในวันนั้น ตนเป็นผู้เข้าร่วมชุมนุมและผู้จัดการชุมนุมมีการใช้รถปราศัยเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ซึ่งการชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบและสันติ มีเพียงผู้ชุมนุมมาร่วมชุมนุมบนพื้นผิวถนนโดยสงบยังไม่มีการกระทำรุนแรงอะไรแต่อย่างใดแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ใช้กำลังเข้ามาสลายการชุมนุม
นายกรกช กล่าวอีกว่า ทุกคนที่มารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อหา เพราะรัฐบาลออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ด้วยข้อกำหนดที่ไม่สมเหตุสมผล เช่น กรณีของขบวนเสด็จ ซึ่งไม่ถือเป็นเหตุร้ายแรง ที่จะไปประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เจตนาที่รัฐบาลประกาศสถานการณ์ร้ายแรงฉุกเฉิน ก็เพื่อต้องการสกัดกั้นการชุมนุมที่เรียกร้องอย่างสงบ และสันติให้รัฐบาลออกจากตำแหน่ง ร่างรัฐธรรมนูญและปฏิรูปสถาบัน การชุมนุมที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าไม่มีแกนนำอีกต่อไป ทุกคนเป็นแกนนำ ออกมาชุมนุมด้วยเจตนารมณ์ของตนเองตามข้อเรียกร้องต่างๆ ตั้งแต่ 18 ตุลาคมเป็นต้นมา
เมื่อถามว่า การชุมนุมที่ผ่านมาเรามักจะถูกออกหมายเรียกแต่ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่ถูกออกหมายเรียกมองเรื่องนี้อย่างไร นายกรกช กล่าวต่อว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมาโดยตลอดตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจ คสช. มีการดำเนินคดีและยัดข้อหาต่าง ๆ หลายๆ คนที่อยู่ตรงนี้ก็ถูกดำเนินคดีมาตั้งแต่ ยุค คสช. เราคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่รัฐบาลทำ แต่ไม่ปกติในระบอบประชาธิปไตย
นางสุวรรณา กล่าวว่า พวกเราหลายคนโดนดำเนินคดีตั้งแต่ยุค คสช.และมองว่ารัฐบาลเลือกที่จะปฏิบัติทำลายความชอบธรรมคนคิดเห็นต่าง ไม่ว่าจะเป็นการสลายการชุมนุมครั้งล่าสุด คุณเริ่มใช้ความรุนแรงกับเราก่อน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรายังยืนยันจะเข้าร่วมกิจกรรม เราก็ยังคงทำหน้าที่ของเราต่อไป ทั้งผู้เข้าร่วมชุมนุมและคนที่คอยเข้าร่วมกิจกรรมที่ตอนนี้ไม่มีแกนนำแล้ว
ขณะที่นายชาติชาย กล่าวว่า ในวันดังกล่าว ตน ไม่ได้ปราศัยเลยเป็นแค่ผู้ร่วมชุมนุม แต่อยู่ดีๆ ก็โดนหมาย ก็งงอยู่เหมือนกันว่าหมายที่ออกมาชอบธรรมหรือไม่ เพราะเป็นการหว่านแหโดยที่ไม่สนใจเลยว่าองค์ประกอบความผิดเป็นอย่างไร เหมือนว่าแค่ผู้มีอำนาจที่ออกหมายเขาไม่พอใจก็ออกหมาย ปัญหาคือคนสั่งการคือใคร คนที่มีอำนาจในการสั่งให้จับผู้ชุมนุม หรือคนที่มีอำนาจสั่งให้ดำเนินคดี เพราะหลักการจริงๆ ในวันนั้น คนที่ไปร่วมชุมนุมหรือแม้แต่ผมที่เข้าร่วมชุมนุม เป็นการชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธแล้วมีกฎหมายตามรัฐธรรมนูญคุ้มครองอยู่แล้ว คนที่มีอำนาจอยู่เหนือรัฐธรรมนูญเขาต้องการอะไร