"พุทธิพงษ์"ถลกหนัง ส.ส.ก้าวไกล กลางสภาฯ

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ลุกขึ้นอภิปรายหลังจากที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้พูดเกี่ยวกับรัฐบาลละเมิดสิทธิเสรีภาพของสื่อ และการใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ปิดกั้นการแสดงออกของประชาชน โดยเฉพาะผ่านสื่อโซเชียล ว่า เราอยู่ร่วมกันจะต้องเปิดใจรับฟังผู้ที่เห็นต่าง อย่างที่ นายวิโรจน์ ได้พูดประเด็นที่รัฐบาลข่มขู่ประชาชน สภาไม่ใช่ที่จะแสดงความรู้สึกส่วนตัว แต่เป็นการสะท้อนความรู้สึกของประชาชนทั้งประเทศ

"สื่อโซเชียลมีเดีย" ทันสมัยและรวดเร็ว แต่มีเนื้อหาและรุนแรง แพลตฟอร์มต่าง ๆ มาจากต่างประเทศ แต่ในประเทศไทยก็มีกฎหมายของตนเอง การแสดงออกในโซเชียลมีเดีย มีทั้งการปลุกกระแส ใช้คำหยาบคาย ทำร้ายสถาบัน ไม่ได้น่ารักอย่างที่นายวิโรจน์ ออกมาพูด ส่วนบุคคลอื่นที่ใช้สื่อโซเชียล ตนไม่เคยไปล่วงเกินสิทธิของใคร เราทำไม่ได้ ทุกวันนี้ทุกคนจะใช้สื่อโซเชียลได้อย่างอิสระใช่หรือไม่
ส่วนกรณีที่มีผู้ใช้ประมาณกว่า 300,000 ยูอาร์แอล ที่เข้าข่ายกระทำความผิด ที่กระทรวงดีอีฯ กำลังดูว่า มีอันไหนที่สามารถยืนยันตัวตนว่ามีความผิดได้ และจะดำเนินการตามกฎหมายนั้น ดีอีฯติดตาม และดำเนินคดีไปแล้ว 2,000 กว่าราย เพราะเรารู้เราดูตามเจตนารมณ์ของผู้โพสต์ เราจะต้องดำเนินตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด ส่วนประเด็นการปิดกั้นสื่อ เราดูที่เจตนา ไม่เผยแพร่ภาพ หรือข้อความที่ทำร้ายจิตใจ แต่ถ้าหากมีสื่อที่ยังเผยแพร่ภาพความรุนแรง หรือเนื้อหาหมิ่นประมาทก็ต้องถูกดำเนินคดี ต้องใช้อำนาจศาลเพื่อจะมาดำเนินคดี นอกจากนี้ ข้อมูลหลักฐานต่างๆ มาจากประชาชนส่งมาให้ ตนเชื่อว่าความรู้สึกลึกๆ ทุกคนเข้าใจที่ตนพูดว่า เกิดอะไรในสังคมโซเชียลมีเดีย รัฐบาลทำเต็มที่ หากมีคนทำผิดตามข้อกฎหมาย ก็ต้องดำเนินคดี รัฐบาลไม่เคยปิดกั้นสิทธิเสรีภาพสื่อ เพราะสื่อทุกแขนงก็ยังเสนอข่าวได้อย่างเต็มที่ เพียงแค่เตือนไปว่า ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย อะไรที่ผิดกฎหมาย ขอให้ลบออก แต่ถ้าไม่มีการดำเนินการใด ๆ เราก็มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินทางกฏหมาย
การทำงานของเราทำอยู่ภายใต้กฎหมาย รัฐบาลต้องการจะทำให้สังคมการสื่อสารในโซเชียลมีเดีย เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย สะอาด เป็นประโยชน์ และรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย แต่ต้องไม่ผิดกฎหมาย และต้องอยู่บนสิ่งที่เรายึดมั่นบนพื้นฐานเดียวกัน