ฝรั่งเศส ซึ่งมีผู้ติดเชื้อโควิด-19เป็นอันดับ 5 ของโลก โดยล่าสุดอยู่ที่มากกว่า 1 ล้าน 1 แสนคนกำลังเข้าสู่ช่วงวิกฤตการระบาดระลอก 2 หลังมีผู้ติดเชื้อใหม่ทำสถิติมากกว่า 52,000 คน ในวันเดียวเมื่อวันอาทิตย์ โดยดร.อีฮิค คมส์ ผู้อำนวยการแผนกโรคติดเชื้อและโรคเขตร้อนของโรงพยาบาลปาฮีส์-ปิตี ซาลเปอติแยร์ ระบุว่า ฝรั่งเศสสูญเสียการควบคุมการระบาดของโควิด-19 มาหลายสัปดาห์แล้ว และจำเป็นต้องกลับมาล็อคดาวน์ใหม่ เช่นเดียวกับ ดร.ฌอง ฟรองซัวส์ เดลแฟรซซี่ ประธานสภาวิทยาศาสตร์ที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับไวรัสแก่รัฐบาลฝรั่งเศส ระบุว่า อาจมีผู้ติดเชื้อใหม่มากว่า 50,000 คน เกิดขึ้นทุกวัน และสภาวิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์ว่าอาจถึง 2 เท่า หรือเฉียด 1 แสนคน ซึ่งเป็นพวกที่ไม่ได้รับการทดสอบหาเชื้อหรือพวกที่ไม่ได้แสดงอาการ ซึ่งหมายความว่า ไวรัสแพร่กระจายรวดเร็วมาก โดยปัจจุบัน ผู้ป่วยโควิด-19 ได้ยึดครองเตียงผู้ป่วยในแผนกไอซียูทั้งหมดไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ส่วนเยอรมนี มีรายงานการประชุมพรรคสหภาพประชาธิปไตยหรือ CDU ที่รั่วออกมาว่านายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล กล่าวต่อสมาชิกในพรรคฯว่า เยอรมนีกำลังใกล้จะสูญเสียการควบคุมการระบาดของไวรัส สถานการณ์กำลังอันตรายขึ้นเรื่อยๆ ให้ใช้ทุกวันอย่างมีค่า และเตือนถึงความยากลำบากในช่วงหลายเดือนข้างหน้า จากการที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อใหม่มากกว่า 12,000 คน ติดเชื้อสะสมมากกว่า 450,000 คน
ส่วนสหราชอาณาจักรที่บังคับใช้มาตรการเข้มงวดระดับเทียร์-1-3 ก็ยังคงไม่สามารถควบคุมการระบาดของไวรัสได้ โดยล่าสุด ได้เข้าไปอยู่ในอันดับ 9 ของประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลก โดยตัวเลขล่าสุดอยู่ที่มากกว่า 894,000 คน ติดเชื้อใหม่มากกว่า20,000 คน รัฐบาลได้ย้ำถึงยุทธศาสตร์การล็อคดาวน์ในอิงแลนด์ ส่วนเวลส์กำลังเข้าสู่มาตรการ "circuit-break" สองสัปดาห์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ย้ำว่า เขาไม่พอใจอย่างมากต่อทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ ที่ออกมาเพื่อต่อต้านมาตรการล็อคดาวน์และบอกด้วยว่า "คุณจะสามารถโน้มน้าวให้คนอื่นทำอะไรได้ ถ้าพวกเขาไม่เชื่อว่ามันมีปัญหาจริงๆ" ด้านที่ปรึกษาฝ่ายวิทยาศาสตร์ของรัฐบาล ระบุว่า มีสัญญาณการลดลงของระดับผู้ติดเชื้อในพื้นที่ที่ใช้เทียร์-3 รวมทั้งลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์และเชฟฟิลด์ แต่ยังเร็วไปที่จะสรุปว่าได้ผล