svasdssvasds
เนชั่นทีวี

บันเทิง

เปิดประวัติ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" พระเอกนอกจอผู้ทำดีไม่หวังผลตอบแทน

26 ตุลาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เปิดประวัติ "ท็อป" บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ดารานักแสดงชื่อดัง ชายผู้เป็นพระเอกทั้งในจอและนอกจอ ที่ช่วยเหลือสังคมโดยไม่หวังผลตอบแทน .

หลังเกิดเหตุการณ์ดราม่ากันในโลกโซเชียลของ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" เกี่ยวกับเหตุที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อช่องหนึ่งเกี่ยวกับการที่ผู้ชุมนุมมีการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง จนล่าสุดออกมาไลฟ์ชี้แจง ร่ำไห้ ประกาศลาออกจากมูลนิธิร่วมกตัญญู โดยในระหว่างการไลฟ์ เจ้าตัวก็ได้ถอดเครื่องแบบมูลนิธิออก
"จะขอช่วยเหลือประชาชนเหมือนเดิม แต่คงไม่ได้ไปในนามมูลนิธิแล้ว ถึงเวลาแล้วที่เราต้องชัดเจน อย่าให้มันฮึกเหิม ไม่ใช่ใครออกมารักสถาบัน ก็ไปตามราวีเขา เชื่อว่า เด็ก 80% ไม่รู้เรื่องราว แต่ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องสู้" 
ในส่วนประวัติ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ หรือ "ท็อป" มีทั้งเรื่องที่โดดเด่นในภาพยนตร์ และช่วยเหลือสังคมกับ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ หรือ "ไทด์" น้องชายฝาแฝด จนได้รับสมยานามว่า "คู่แฝดนักบุญ"
บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ มีชื่อเล่นว่า ท็อป เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2505 ที่อำเภอสระแก้ว จังหวัดปราจีนบุรี (ปัจจุบัน คือ จังหวัดสระแก้ว) เริ่มเข้าสู่วงการด้วยการถ่ายแบบและแสดงเป็นตัวประกอบ ก่อนจะมารับบทนำจากการแนะนำของ คมน์ อรรฆเดช ในเรื่อง "ตำรวจเหล็ก" คู่กับ มาช่า วัฒนพานิช ซึ่งเป็นนักแสดงใหม่ด้วยกันทั้งคู่ และมีชื่อเสียงโด่งดังมาจากละครโทรทัศน์ เรื่อง "แผลเก่า" ทางช่อง 7 เมื่อปีพ.ศ. 2531 โดยรับบทเป็น "ไอ้ขวัญ" แสดงคู่กับชุติมา นัยนา จากนั้นจึงมีผลงานที่เป็นที่รู้จักอีกคือเรื่อง "เหตุเกิดที่ สน." เมื่อปี พ.ศ. 2533 โดยรับบทเป็น หมวดปลิว นายตำรวจประจำ สน.

เปิดประวัติ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" พระเอกนอกจอผู้ทำดีไม่หวังผลตอบแทน


ผลงานเด่น ๆ ทางภาพยนตร์ได้แก่ บางระจัน เมื่อปีพ.ศ. 2544 รับบทเป็น "อ้ายทองเหม็น" ซึ่งได้รับรางวัลตุ๊กตาทองนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมด้วย และยังมีผลงานกำกับการแสดงจากเรื่อง ตำนานกระสือ ในปีพ.ศ. 2545, ช้างเพื่อนแก้ว ในปีพ.ศ. 2546, เดอะโกร๋น ก๊วนกวนผี ในปีพ.ศ. 2547 และปัญญา เรณู ในปีพ.ศ. 2554 นอกจากนี้ยังเคยรับบทเป็นพระราชาอินเดียในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดที่มาถ่ายทำในประเทศไทยด้วยคือ Alexander ส่วนผลงานละครโทรทัศน์ในระยะหลัง ๆ มีเพียงเรื่อง รุกฆาต ทางช่อง 7 เมื่อปีพ.ศ. 2552 ในฐานะดารารับเชิญ
ในทางสังคม ยังเป็นที่รู้จักกันดีว่า เป็นดาราที่ช่วยเหลือสังคม โดยทำงานเป็นอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูมานานกว่า 20 ปี โดยไม่ได้รับค่าตอบแทน
บิณฑ์ มีน้องชายฝาแฝดซึ่งเป็นนักแสดงด้วยเหมือนกัน คือ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ ปัจจุบันสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิทยาการการจัดการจาก มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี และปริญญาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง

เปิดประวัติ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" พระเอกนอกจอผู้ทำดีไม่หวังผลตอบแทน


ในกลางปี พ.ศ. 2552 ปรากฏเป็นข่าวว่าได้เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยพร้อมกับ เอกพันธ์ น้องชายฝาแฝด และจะลงเลือกตั้งในคราวต่อไปด้วย แต่ต่อมาเจ้าตัวได้ปฏิเสธ โดยบอกว่าเพียงแค่ได้รับทาบทาม แต่ไม่เคยคิดเล่นการเมือง อีกทั้งเพียงแค่งานการแสดงและงานสาธารณกุศลก็ล้นมืออยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านั้นก็เคยลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2538 ในนามพรรคนำไทย มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง22 ตุลาคม พ.ศ. 2559 บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษมูลนิธิร่วมกตัญญู พระเอกชื่อดังเข้าอุปสมบทอย่างเรียบง่าย ณ อุโบสถวัดบางแวก แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้และถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยพิธีอุปสมบทครั้งนี้มีท่านพระครูธีรธรรมานันท์ เจ้าคณะแขวงบางแวก เจ้าอาวาสวัดบางแวก เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า อาจิตปุญโญ แปลว่า ผู้ทำบุญไว้ดีแล้ว

เปิดประวัติ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" พระเอกนอกจอผู้ทำดีไม่หวังผลตอบแทน


เปิดประวัติ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" พระเอกนอกจอผู้ทำดีไม่หวังผลตอบแทน


เปิดประวัติ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" พระเอกนอกจอผู้ทำดีไม่หวังผลตอบแทน


"ในช่วงเดือนสิงหาคม ถึงเดือนกันยายน พ.ศ. 2562 เขากลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งจากการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยเขาได้เปิดรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจนกระทั่งมียอดบริจาคทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 400 กว่าล้านบาท"

logoline