หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนรายงานสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า หลังจากที่มีการโต้เถียงยาวนานร่วมปีภายในพรรคร่วมรัฐบาลผสมดัตช์ของนายกรัฐมนตรี มาร์ค รีตเตอ (Mark Rutte) ล่าสุดรัฐบาลของรีตเตอมีแผนบังคับใช้การการุณยฆาต (Euthanasia) กับผู้ป่วยเด็กระยะสุดท้ายที่มีอายุไม่เกิน 13 ปี
ฮูโก เดอ ยอง (Hugo de Jonge) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เนเธอร์แลนด์กล่าวว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ป่วยระยะสุดท้าย ที่กำลังอยู่ในความเจ็บปวดทรมานอย่างไร้ความหวังรัฐบาลดัตช์ประเมินว่ากฎใหม่จะส่งผลกระทบกับเด็กจำนวนราว 5 10 คน/ปี อยู่ในกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีความหวังว่าอาการป่วยจะดีขึ้น
ทั้งนี้เบลเยียมถือเป็นชาติแรกของโลกที่ใช้วิธีการุณยฆาตกับเด็กในปี 2014 โดยได้ออกกฎหมายให้สามารถทำการุณยฆาตได้กับเด็กในกรณีที่เป็นผู้ป่วยหนักระยะสุดท้าย และอยู่ในความเจ็บปวดสาหัส ซึ่งเด็กชาวเบลเยียมวัย 9 ปีและ 11 ปีกลายเป็นกรณีแรกของโลกที่ถูกทำการการุณยฆาตเมื่อปี 2016 และปี 2017 ตามลำดับแต่อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ป่วยเด็กที่มีอายุเกิน 12 ปี ในเนเธอร์แลนด์นั้นสามารถเข้ารับการุณยฆาตได้ก่อนหน้านั้นแล้วหากได้รับความยินยอมจากตัวเด็ก และจากผู้ปกครองของเด็ก ส่วนทารกตั้งแต่แรกคลอดไปจนถึง 1 ขวบสามารถถูกการุณยฆาตในเนเธอร์แลนด์ได้ตามกฎหมายได้เช่นกันภายใต้การยินยอมของพ่อแม่เด็กเอง
ซึ่งในเวลานี้ที่เนเธอร์แลนด์ผู้ป่วยเด็กอาจได้รับการดูแลระยะสุดท้ายแบบประคับประคอง (Palliative Care) หรือการถูกไม่ได้รับอาหาร เพื่อเร่งให้มีการเสียชีวิตเร็วขึ้น ภายใต้ข้อกำหนดปัจจุบันที่แพทย์อาจต้องเผชิญกับการถูกดำเนินคดีทางกฎหมายหากพวกเขาใช้วิธีอื่นในการจบชีวิตคนไข้ซึ่งทางแพทย์ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ไขสำหรับช่องว่างที่เรียกว่า โซนสีเทา ในกลุ่มผู้ป่วยเด็กอายุระหว่าง 1 ปี 12 ปี เดอะการ์เดียนชี้และกลายเป็นกระแสร้อนทำให้มีการถกเถียงอย่างหนักภายในพรรคร่วมรัฐบาลพรรคผสมนานร่วม 1 ปี ซึ่งมีความเห็นต้านออกมาจากทั้งพรรคคริสเตียน เดโมแครต แอปเพียล ปาร์ตี (Christian Democrat Appeal party) และพรรค คริสเตนยูนี (ChristenUnie)ในปี 2019 พบว่ามีการเสียชีวิตที่เกิดจากการุณฆาตจำนวน 6,361 ราย คิดเป็นจำนวนกว่า 4% ของจำนวนตัวเลขผู้เสียชีวิตทั้งหมดในเนเธอร์แลนด์ และจากจำนวนทั้งหมดของการการุณฆาตพบว่า 91% อยู่ในกลุ่มอยู่ในกลุ่มป่วยขั้นระยะสุดท้าย
คลิกอ่านข่าวที่มา
ข้อมูลจากpositioningmag