วันที่ 25 ตุลาคม 2563 ที่ วัดบ้านง้อ ตำบลน้ำคำ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ได้มีชาวบ้านได้พากันออกมาที่ลานวัดเป็นจำนวนมาก และพากันไปตรวจดูต้นพะยูง อายุ นับร้อยปี บริเวณหลังวัด ที่ถูกพ่อค้าว่าจ้างคนมาตัด พร้อมตัดเป็นท่อนๆ ขนาดพอดี เตรียมนำส่งขายต่อนายทุนใหญ่ ภายหลังจากที่เมื่อคืนวานก่อนชาวบ้านได้ยินเสียงเลื่อยยนต์ดังสนั่นบริเวณหลังวัด จึงได้พากันออกมาแอบดู ก็พบว่ามีผู้คนจำนวน 5 6 คน กำลังเร่งตัดไม้พะยูงของวัด จึงได้พากันตีระฆัง ร้องบอกว่ามีคนมาขโมยตัดต้นพะยูงของวัด ชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ได้พากันส่องไฟแสงสว่างออกมา ขณะที่ผู้ที่มาตัดต้นพะยูง พบเห็นแสงไฟ จึงได้พากันล่าถอยขับรถยนต์หลบหนีไปทางหลังวัด ก่อนที่ชาวบ้านจะมาทราบจากผู้ใหญ่บ้านว่า เจ้าอาวาสวัดได้ขายต้นพะยูงให้แก่นายทุน จึงทำให้เกิดความไม่พอใจ เพราะต้นพะยูงของวัด ก็ควรจะเป็นสมบัติของคนทั้งหมู่บ้าน ไม่ใช่ของทางเจ้าอาวาสวัดเพียงคนเดียวที่จะมาตัดสินขายไปเช่นนี้ จึงได้พากันออมารวมตัวกันที่วัด เปิดประชุมวิพากษ์ กันอย่างหนักหน่วง จากหัวค่ำวานนี้ จนค่ำมืด ขณะที่เจ้าอาวาสวัด ยอมรับว่าขายให้นายทุนจริง เพื่อจะนำเงินมาใช้หนี้ทางวัดในการก่อสร้างศาสนสถานให้กับวัด โดยได้หารือกับผู้นำชุมชน 10 หมู่บ้านเท่านั้น ไม่ได้แจ้งบอกชาวบ้านทั้งหมด
พระครูสุตภัทรภรณ์เจ้าอาวาสวัดบ้านง้อ ยอมรับว่า ได้มีนายทุนมาขอซื้อต้นพะยูง ที่มีอยู่ในป่าท้ายวัด ซึ่งตนก็พบเห็นหลายวัดในจังหวัดศรีสะเกษ ที่มีนายทุนส่งคนมาขอซื้อ สุดท้ายก็มีการมาลักลอบตัดไปเฉยๆ แถมยิงปืนข่มขู่พระ ห้ามออกมาจากกุฎิพระ ขณะทำการตัดต้นพะยูงด้วย ตนจึงเชิญโยมคณะกรรมการวัด และผู้ใหญ่บ้านมาหารือ สุดท้ายก็ตกลงใจขาย ต้นพะยูง จำนวน 8 ต้น ในราคา 330,000 แต่เนื่องจาก ไม้อีก 3 ต้นไม่ได้ขนาดตามความต้องการของตลาดของนายทุน จึงมีการตกลงซื้อจำนวน 5 ต้น ราคา 200,000 บาท วัดจึงตกลงขาย
ด้าน นายชินกร รินทร ผู้ใหญ่บ้านง้อ เปิดชี้แจงต่อชาวบ้าน ว่า ก่อนหน้านี้เจ้าอาวาสวัดได้เชิญมาหารือ ในการที่มีนายทุนมาดูต้นพะยูงของวัด และมาขอซื้อ ตนก็ได้ไปหารือกับคณะกรรมการวัด และได้เรียกกันมาหารือที่วัด หลายคนก็ยกตัวอย่างกันว่า พบเห็นในข่าวมาโดยตลอด นายทุนมาขอซื้อต้นพะยูงที่วัดไม่ยอมขาย แต่ต่อมาก็มีข่าวมีการลับลอบเข้ามาตัดไม้พะยูงไปฟรีๆ แถมยิงผืนข่มขู่พระเณรในวัดขณะตัด ห้ามพระเณรออกมาดู จนกว่าพวกเขาจะตัดขนย้ายกันไปเสร็จ และเมื่อแจ้งตำรวจ เรื่องก็เงียบ เพราะขโมยแก๊งมอดไม้มาตัดช่วงเวลากลางดึก ชาวบ้านเองบางทีแม้จะทราบ แต่ก็ไม่กล้าที่จะมาเสี่ยงกับลูกปืน ที่จะมายอมตายเพื่อรักษาต้นพะยูง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ทุกคนก็เลยตัดสินใจให้เจ้าอาวาสวัดขาย เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายภายในวัด ด้วยมติคณะกรรมการวัด แต่พอตกลงขาย พวกที่มาตัดกลับมาตัดช่วงกลางคืน ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่อง เลยเข้าใจว่ามีคนมาขโมยตัดไม้พะยูงกัน
อย่างไรก็ดี ภายหลังจากวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก แทบจะวางมวยกัน ใช้เวลาจนค่ำมืด สุดท้ายในเที่ยงของวันนี้ ก็ได้ลงมติกันว่า ไม่ขาย เงินที่นายทุนจ่ายมาแล้ว 200,000.-บาท ทางคณะกรรมการวัดก็จะคืนแก่นายทุน และเมื่อโทรศัพท์ไปแจ้งกับนายทุน นายทุนก็เข้าใจ และขอรับคืนเงินเพียง 100,000.-บาท อีก 100,000.-บาท ขอทำบุญกับวัด และคณะกรรมการวัดได้แจ้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาตรวจสอบไม้พะยูงแล้ว แต่เนื่องจากเป็นไม้ที่อยู่ในพื้นที่มีโฉนด จึงสามารถนำเงินการขายได้ จึงไม่ได้ตรวจยึดไม้พะยูงที่ถูกตัดกลับไป และคณะกรรมการวัด ก็ได้หารือกันใหม่ต่อไปอีกว่า จะตกลงขายไม้พะยูงที่ถูกตัดลงมาแล้วต่อไปไหม เพื่อจะได้นำเงินมาให้ทางวัดได้ใช้หนี้ และเก็บไว้ใช้จ่ายตามมติคณะกรรมการวัดต่อไปด้วย