ทั้งนี้ ส่วนตัวมีความคิดเห็นว่า วันนี้ (24ต.ค.) ต้องยอมรับความจริงกันว่า การพูดเรื่องของการปฏิรูปสถาบันฯ ไม่เท่ากับการล้มล้าง เรื่องนี้สำคัญมาก รัฐบาลพยายามป้ายสีให้กับผู้ชุมชนโดยเฉพาะคณะราษฎร 63 รวมถึงคณะก้าวหน้าและตน ว่า เป็นพวกต้องการล้มล้าง ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วไม่มีใครพูดแบบนี้ ไม่มีใครเรียกร้องอย่างนั้น แต่ที่เรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯ ให้อยู่กับสังคมไทย ให้อยู่กับประชาธิปไตยได้
"เราต้องยอมรับความเป็นจริงกันว่า ยุคนี้คือยุคที่ความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันฯ กับประชาชนตกต่ำจนถึงที่สุด การจะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประชาชนที่เป็นไปได้ คือ การปฏิรูปสถาบันฯ ให้เข้ากับยุคสมัย ผมคิดว่าเป็นข้อเรียกร้องที่เหมาะสม เป็นข้อเรียกร้องต่อการเวลา ดังนั้น ฝากพี่น้องประชาชนว่า ขอให้ฟังพวกเราอย่างมีสติ ว่าพวกเราไม่ได้คิดล้มล้างแต่พวกเราเรียกร้องให้มีการปฏิรูปอย่างมีเหตุมีผล เพื่อที่จะหาทางออกให้กับสังคมอย่างมีสันติ" นายธนาธร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่เชื่อว่ามวลชนทั้ง 2 ฝั่ง จะมีการกระทบกระทั่งกันจนลุกลามไปทั่วประเทศ เพราะคิดว่ามวลชลที่ออกมาปกป้องสถาบันฯ ถึงแม้ว่าจะแสดอาการข่มขู่คุกคามบ้าง อย่างที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่เชื่อว่าสังคมไทยยังมีสติพอ และหวังว่าทุกฝ่ายจะมีสติไม่นำไปสู่จุดใช้ความรุนแรง ถ้านำไปสู่จุดนั้นก็ต้องโทษรัฐบาล เพราะหน้าที่คือรักษาสังคม ที่ผู้คนมีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติได้
อย่างไรก็ตาม การจัดม็อบออกมาชนม็อบแบบนี้ เป็นเรื่องที่อันตรายเป็นเรื่องที่น่ากลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดม็อบเอาเรื่องสถาบันฯ มาเป็นแกนกลาง และผลักดันให้ประชนออกมาเลือกตั้ง ทางออกของสังคมที่ดีที่สุดอันดับหนึ่งจะทำให้ปัญหาทุกอย่างจบ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อันดับสองต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิปไตย ที่อำนาจสูงสุดเป็นของราษฎร และอันดับสาม คือ จะต้องปฏิรูปสถาบันฯ