"ทรัมป์" โชว์ลีลาบนเวทีหาเสียงแบบไม่แคร์ "โควิด-19"
หลังหายป่วยจากโควิด-19 ได้ไม่ทันไร ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ต้องเร่งกลับมาเดินสายหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง โดยเขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่า เขายังคงมีร่างกายแข็งแรงพอสำหรับการรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 2 แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่า ทรัมป์จะออกลีลาวาดลวดลายโชว์สเต็ปการเต้นบนเวทีหาเสียงได้อย่างออกรส จนกลายเป็นกระแสโด่งดังในโลกออกไลน์
คุณปู่ทรัมป์วัย 74ปี โชว์ลีลาขยับตามจังหวะเพลง YMCA เพลงแดนซ์อมตะจากยุค 70 บนเวทีหาเสียงในหลายรัฐตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าในแต่ละครั้ง ทรัมป์เริ่มออกลีลามากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากการขยับแค่แขน สลับกับการชี้นิ้ว กำหมัด และปรบมือ จากนั้นเขาก็เริ่มขยับศรีษะ และล่าสุดกับการเต้นแบบขยับเกือบทั้งตัว โดยเหลือเพียงเท้าเท่านั้นที่ยังไม่เคลื่อนไหว แน่นอนว่าผู้สนับสนุนที่มาฟังปราศรัยต่างก็ส่งเสียงเชียร์ดังกระหึ่ม นอกจากนี้ยังปรากฎคลิปสมาชิกในครอบครัวของทรัมป์และทีมงานกำลังเต้นตามอีกด้วย
ลีลาของทรัมป์ได้กลายเป็นกระแสทันที โดยถูกหยิบยกไปล้อเลียนทั้งในรายการโทรทัศน์ชื่อดังและในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะทาง "ติ๊กต๊อก" ที่ผู้ใช้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นต่างก็พากันเต้นให้เหมือนทรัมป์มากที่สุด ซึ่งหลายคนถึงกับบ่นว่า การเต้นเลียนแบบไม่ง่ายอย่างที่คิด
การเต้นของทรัมป์ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็น "กลยุทธ์หาเสียง" เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงและกระปรี้กระเปร่า หลังข่าวการติดเชื้อโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมของทรัมป์พอสมควร ขณะเดียวกันยังเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ที่สวนทางกับโจ ไบเดน คู่แข่งวัยย่าง 78 ปี ซึ่งทรัมป์มักโจมตีว่าเป็นคนที่ "แก่เลอะเลือน" จนหมดความสามารถที่จะเป็นผู้นำประเทศ
การเต้นของทรัมป์ยังตรงข้ามกับบรรยากาศในสหรัฐฯ ตลอดทั้งปีนี้ที่เต็มไปด้วยวิกฤต ความตึงเครียด และเรื่องหดหู่ ทั้งจากประเด็นโรคระบาด ภาวะเศรษฐกิจ และการชุมนุมที่บานปลายเป็นการจลาจล โดยทรัมป์และทีมงานพยายามส่งสัญญาณว่า อย่าไปจมดิ่งอยู่กับวิกฤต และถึงเวลาแล้วที่เศรษฐกิจและสังคมต้องกลับมาเดินหน้าตามปกติอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การเต้นของทรัมป์เจอกับเสียงวิจารณ์จากหลายฝ่ายที่มองว่า "ไม่ถูกกาลเทศะ" เพราะในขณะที่ประเทศมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสไปมากกว่า 2 แสนคน ผู้นำประเทศไม่ควรออกมาเต้นอย่างร่าเริงแบบออกนอกหน้าเช่นนี้ และอย่าลืมว่าผู้สนับสนุนของทรัมป์เองก็ดูจะไม่แคร์เรื่องการสวมหน้ากากอนามัยหรือเว้นระยะห่างทางสังคม ไม่เหมือนฝ่ายไบเดนที่แม้ใกล้วันเลือกตั้ง แต่ก็ยังคงยืนยันจัดงานหาเสียงแบบเล็กๆ ต่อไป
หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมทรัมป์ถึงเลือกเพลง YMCA ทั้งที่ปกติเพลงนี้มักถูกมองว่าเป็นเพลงของ "กลุ่ม LGBT" ซึ่งสวนทางกับทรัมป์ที่ฐานเสียงมาจาก "กลุ่มอนุรักษ์นิยม" เหตุผลคงหนีไม่พ้นเรื่อง "ลิขสิทธิ์" เพราะหลายเพลงที่ทีมหาเสียงทรัมป์นำมาเปิดก่อนหน้านี้ เช่น เพลงของ Aerosmith, Rolling Stone, และ Adele เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ยินยอมและขู่ดำเนินคดีฐานไม่ขออนุญาตก่อน แต่วง Village People เจ้าของเพลง YMCA ไม่ติดใจ ยินยอมให้ทรัมป์ใช้เพลงได้ตามสบาย โดยระบุด้วยว่า เพลงของพวกเขาไม่จำกัดคนฟังแค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทุกคนสามารถเต้นตามได้ไม่ว่าจะมีแนวคิดทางการเมืองแบบไหนก็ตาม แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าทางวงประกาศจุดยืนสนับสนุนทรัมป์แต่อย่างใด