ที่ประชุม 4 ฝ่ายสรุปใช้เวลา23ชม.ถกหาทางออกวิกฤตชาติ

22 ตุลาคม 2563 นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมทั้ง 4 ฝ่าย คือ คณะรัฐมนตรี (ครม.) วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน และ วิปวุฒิสภา ได้ตกลงกรอบเวลาในการอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 165 ที่รัฐบาลเสนอญัตติเพื่อให้สภาหาทางออกร่วมกันของ สถานการณ์การชุมนุมขณะนี้ โดยเบื้องต้นกำหนดเวลาการอภิปรายไว้ประมาณ 23 ชั่วโมง แบ่งเป็นฝ่ายค้าน 8 ชั่วโมง รัฐบาล 5 ชั่วโมง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล 5 ชั่วโมง และ ส.ว. 5 ชั่วโมง

นายวิรัช กล่าวต่อว่า ได้เผื่อเวลาให้ประธานรัฐสภา 1-2ชั่วโมง โดยการประชุมจะเริ่มในวันที่ 26 ต.ค. เวลา 09:00 น. ไปจนถึงเวลา 22:00 น. ส่วนวันที่ 27 ต.ค. จะเริ่มในเวลา 09:00 น. เช่นกัน ซึ่งหวังว่าการเปิดประชุมสมัยวิสามัญครั้งนี้ จะสามารถร่วมกันหาทางออกให้กับสถานการณ์ขณะนี้ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้เลย เนื่องจากไม่ได้มีการลงมติ และไม่มีการโหวตรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวมองว่าอย่าถือเป็นประเด็น เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเป็นไปตามเงื่อนไขเวลา

ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ยังมีความกังวลเรื่องเนื้อหา เพราะ 1 ในข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม คือ เรื่องการปฏิรูปสถาบันฯ หากมีการหยิบยกเรื่องสถาบันฯ เข้ามาหารือในที่ประชุมรัฐสภา รวมถึงเรื่องขบวนเสด็จ เมื่อวันที่ 14 ต.ค.จะขัดข้อบังคับการประชุมหรือไม่ และกังวลว่าการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญครั้งนี้ จะสามารถหาทางออกให้สถานการณ์ได้หรือไม่ ซึ่งจะมีการหารือในที่ประชุมวิปฝ่ายค้านวันนี้ (22ต.ค.) อีกครั้ง ว่าจะเป็นประโยชน์หรือจะมีทางออกต่อสถานการณ์อย่างไร เพราะเป็นญัตติที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์

ด้าน นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ จะเป็นการเริ่มต้นของทางออก โดยใช้กลไกในสภาฯ และจะเป็นแนวทางไปสู่การพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อรับหลักการในสมัยประชุมสามัญ โดยเชื่อว่าสมาชิกรัฐสภา มีวุฒิภาวะเพียงพอในการประคับประคองบ้านเมือง และช่วยคลี่คลายวิกฤตนี้ต่อไปได้

ส่วน นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า อยากให้รัฐสภาเป็นตัวอย่างในการอภิปรายอย่างมีวุฒิภาวะ สามารถพูดเรื่องสถาบันฯ ได้แต่อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย