svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

"ดีเบต" ครั้งสุดท้าย "ทรัมป์-ไบเดน" วุ่นตั้งแต่ยังไม่เริ่ม!

22 ตุลาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เช้าวันศุกร์นี้ตามเวลาในไทย โดนัลด์ ทรัมป์ กับ โจ ไบเดน กำลังจะโคจรมาพบกันอีกครั้งในศึกนัดหยุดโลก! นั่นคือ การดีเบตครั้งที่ 2 และครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ทำให้การประชันวิสัยทัศน์รอบนี้ถูกมองว่า เป็น "โอกาสสุดท้าย" ที่ผู้ท้าชิงทั้ง 2 คนจะได้โกยคะแนนจากคนอเมริกันทั้งประเทศ

แต่การดีเบตครั้งสุดท้ายส่อแวววุ่นวายตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม โดยมีการ "เปลี่ยนแปลงกฎ" ครั้งใหญ่ สืบเนื่องจากความโกลาหลที่เกิดขึ้นในการดีเบตครั้งแรกเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ซึ่งช็อตเด็ดที่หลายคนยังคงจำได้ก็คือ การที่ไบเดนถึงกับหมดความอดทนจนต้องเอ่ยปากถามทรัมป์ว่า "หุบปากเป็นไหม?" เพราะตลอดช่วงเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง เชื่อหรือไม่ว่าทรัมป์พูดแทรกทั้งไบเดนและพิธีกรรวมถึง 128 ครั้ง! หรือเฉลี่ยแล้วทุกๆ 1 นาทีทรัมป์ต้องพูดแทรกอย่างน้อย 1 ครั้ง!!!

"ดีเบต" ครั้งสุดท้าย "ทรัมป์-ไบเดน" วุ่นตั้งแต่ยังไม่เริ่ม!


ด้วยเหตุนี้ทางคณะกรรมการจัดงานดีเบตจึงตัดสินใจเปลี่ยนกฎแบบที่ไม่เคยทำมาก่อนตลอดช่วงเวลากว่า 30 ปี นั่นคือ ต้องมีการ "ปิดไมโครโฟน" ของผู้ท้าชิง ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังพูดอยู่ เช่น ในขณะที่ไบเดนพูด ทรัมป์จะถูกปิดไมค์ หรือในขณะที่ทรัมป์พูด ไบเดนก็ต้องถูกปิดไมค์เช่นกัน

"ดีเบต" ครั้งสุดท้าย "ทรัมป์-ไบเดน" วุ่นตั้งแต่ยังไม่เริ่ม!


แต่การปิดไมค์จะเกิดขึ้นเฉพาะในช่วง "เริ่มต้น" ดีเบตในแต่ละประเด็นเท่านั้น ซึ่งโดยปกติ การดีเบตหัวข้อหนึ่งจะใช้เวลาประมาณ 15 นาที เริ่มจากการถามคำถาม แล้วให้ผู้ท้าชิงแต่ละคนได้ตอบคนละ 2 นาที รวมเป็น 4 นาที จากนั้นอีกประมาณ 10 นาทีที่เหลือจึงเป็นช่วงของการตอบโต้กัน เพราะฉะนั้น กฎการปิดไมค์นี้จึงจะบังคับใช้เฉพาะ "4 นาทีแรก" ของแต่ละหัวข้อเท่านั้น หลังจากนั้นจะยังคงมีการเปิดไมค์ให้พูดแทรกกันได้ตามปกติ แต่หากใครพูดแทรกมาก พิธีกรก็จะต้อง "เกลี่ยเวลา" ให้อีกฝ่ายมีโอกาสพูดชี้แจงมากขึ้น

"ดีเบต" ครั้งสุดท้าย "ทรัมป์-ไบเดน" วุ่นตั้งแต่ยังไม่เริ่ม!

ขณะเดียวกันในแง่ของประเด็นที่จะมีการดีเบตกัน ปกติแล้วเป็นหน้าที่ของพิธีกรในการกำหนด โดยสำหรับครั้งนี้ได้มีการประกาศออกมาล่วงหน้าตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ประกอบไปด้วย 6 หัวข้อใหญ่ที่กำลังร้อนแรง ไม่ว่าจะเป็นโควิด-19, ครอบครัวอเมริกัน, ปัญหาเชื้อชาติ, ภาวะโลกร้อน, ความมั่นคงแห่งชาติ และภาวะผู้นำ แต่ปรากฏว่า ฝ่ายทีมงานหาเสียงของทรัมป์ออกมาโวยวายยกใหญ่ ถามว่าทำไมถึงไม่มีเรื่อง "นโยบายต่างประเทศ" ซึ่งเดิมทีฝ่ายทรัมป์และไบเดนตกลงกันว่าจะมีเรื่องการต่างประเทศในการดีเบตรอบ 3 แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถจัดขึ้นได้หลังจากที่ทรัมป์ติดเชื้อโควิด-19 และไม่ยอมร่วมดีเบตแบบออนไลน์
ทำไมทรัมป์อยากให้ดีเบตเรื่องนโยบายต่างประเทศ? เหตุผลแรกก็คือ ทรัมป์เองคงอยากจะ "อวดผลงาน" เช่น การเจรจากับคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือที่แม้ไม่มีความคืบหน้าเรื่องปลดนิวเคลียร์ แต่ทรัมป์ก็อ้างว่าเขาสามารถ "ยับยั้ง" สงครามระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือได้, การเป็นคนกลางให้อิสราเอลสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับหลายประเทศในตะวันออกกลาง, ไปจนถึงการถอนทหารจากซีเรีย อิรัก และอัฟกานิสถาน
แต่เหตุผลสำคัญที่สุดก็คือ ทรัมป์ต้องการ "โจมตีไบเดน" ในด้านนี้ โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายในสมัยอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา ซึ่งทรัมป์มองว่า เป็นมิตรกับจีนมากเกินไป และเรื่องอื้อฉาวล่าสุดเกี่ยวกับ "อีเมลลับ" ของฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายของโจ ไบเดน ซึ่งฝ่ายรีพับลิกันเชื่อว่า อาจเข้าข่าย "ผลประโยชน์ทับซ้อน" จากการที่ไบเดนอาจใช้ตำแหน่งของตัวเองในสมัยเป็นรองผู้นำสหรัฐฯ ช่วยลูกชายให้ไปนั่งเป็นบอร์ดบริหารของบริษัทในจีนและยูเครน และลูกชายไบเดนอาจมีการ "เก็บค่านายหน้า" จากบริษัทต่างชาติเพื่อให้เข้าถึงผู้เป็นพ่อ

"ดีเบต" ครั้งสุดท้าย "ทรัมป์-ไบเดน" วุ่นตั้งแต่ยังไม่เริ่ม!

อย่างไรก็ตาม ผู้จัดงานดีเบตยืนยันใช้กฎปิดไมค์ตามที่ประกาศไว้และจะไม่เปลี่ยนแปลงหัวข้อดีเบต ทรัมป์จึงออกมาโจมตีโดยทันที กล่าวหาว่าผู้จัดงานลำเอียงและเปลี่ยนกฎในนาทีสุดท้ายเพื่อช่วยไบเดน พร้อมกับตั้งคำถามเกี่ยวกับ "ความน่าเชื่อถือ" ของผู้จัดงานด้วย

"ดีเบต" ครั้งสุดท้าย "ทรัมป์-ไบเดน" วุ่นตั้งแต่ยังไม่เริ่ม!


แต่ในความเป็นจริงคณะกรรมการดีเบตที่พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันร่วมกันจัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2530 มีความ "เป็นกลางทางการเมือง" มาโดยตลอด เพราะมีสมาชิกที่มาจากทั้งสองพรรค และการจัดดีเบตทั้งสำหรับตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีทุกครั้งก็ไม่เคยมีปัญหาวุ่นวายเท่าครั้งนี้
ด้วยเหตุนี้ฝ่ายทีมงานของไบเดนจึงโจมตีทรัมป์กลับไปว่า ทรัมป์ทำไปเพียงเพื่อ "เบี่ยงเบนความสนใจ" ไม่ต้องการตอบคำถามเรื่องความล้มเหลวในการรับมือโรคโควิด-19 ที่คนอเมริกันมองว่าเป็นหนึ่งในปัจจัย "สำคัญที่สุด" ในการตัดสินใจหย่อนบัตรเลือกตั้ง
ขณะนี้โลกกำลังจับตาว่า ใครจะทำผลงานได้ดีกว่ากัน โดยทรัมป์ต้อง "แก้มือ" จากรอบที่แล้วให้ได้ ในขณะที่ไบเดนอย่างน้อยต้อง "เสมอตัว" เพราะดีเบตรอบนี้มีชัยชนะเลือกตั้งเป็นเดิมพัน!

"ดีเบต" ครั้งสุดท้าย "ทรัมป์-ไบเดน" วุ่นตั้งแต่ยังไม่เริ่ม!

logoline