หนึ่งในแนวทางฟื้นฟู ขสมก.ประการหนึ่งก็คือ การให้กระทรวงการคลัง เข้าไปช่วยรับภาระหนี้ ของ ขสมก. เพื่อลดภาระการผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยของรัฐวิสาหกิจด้านขนส่งมวลชนแห่งนี้ ที่ปัจจุบันมีภาระหนี้มากกว่า 1 แสนล้านบาท แต่ การให้กระทรวงการคลังรับภาระหนี้ขสมก.นั้น จะต้องขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของแผนฟื้นฟูขสมก.
"แนวทางการรับภาระหนี้ของขสมก.มาเป็นหนี้ของกระทรวงการคลังนั้น จะต้องดูจากฐานะทางการเงิน แผนการฟื้นฟูของ ขสมก.ว่ามีแนวทางอย่างไร และจะสามารถกลับมาสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้เร็วแค่ไหน"
ปัจจุบันภาระหนี้ของ ขสมก. ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของหนี้สาธารณะของรัฐบาลอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า ขสมก.จะต้องเป็นผู้แบกรับภาระดอกเบี้ยและการชำระเงินต้นด้วยตัวเอง แต่การที่จะโอนภาระหนี้ดังกล่าวมาให้กระทรวงการคลังนั้น ควรจะต้องมีการแยกภาระหนี้ว่า ส่วนใดเป็นภาระหนี้ที่เกิดจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐในการให้บริการประชาชน และส่วนใดเป็นภาระหนี้ที่เกิดจากการบริหารงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ
แนวทางการฟื้นฟู รวมถึงการที่จะให้กระทรวงการคลังเข้าไปรับภาระหนี้แทน ขสมก.นั้น จะต้องพูดถึงการปรับปรุงคุณภาพการให้บริการประชาชนของ ขสมก.ด้วย เช่น การจัดหารถเมล์ใหม่ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
จากรายงานของ สตง. ณ 31 มีนาคม 2563 ขสมก.มีภาระหนี้สินรวม 1.25 แสนล้านบาท