svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ธอส.คาดอสังหาฯ 'ฟื้นตัว' ปี 64

21 ตุลาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส.ชี้ผลกระทบจากโควิด-19 ฉุดตลาดที่อยู่อาศัยหดตัว คาดปี 63 เป็นจุดต่ำสุด และเริ่มฟื้นตัวในปี 64 แนะสร้างแรงช่วยขับเคลื่อนกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยกลุ่มราคาสูงกว่า 3 ล้านบาท

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโดยภาพรวมที่ผ่านมาในปี 2563 มีการชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ คาดการณ์ว่าตลาดที่อยู่อาศัยจะเข้าสู่จุดต่ำสุดในปีนี้ และจะค่อยๆปรับตัวดีขึ้นนับจากครึ่งหลังของปี 2564 เป็นต้นไป โดยจะฟื้นตัวอย่างช้าๆ อีก 3-4 ปี จึงจะกลับมาดีเหมือนเดิม
สถานการณ์ชะลอตัวในภาคธุรกิจที่อยู่อาศัยเริ่มตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยในช่วงแรกการชะลอตัวนั้นเป็นผลจากการใช้มาตรการ Macroprudential หรือการควบคุม LTV ในการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และเมื่อเข้าสู่ ปี 2563 ตลาดที่อยู่อาศัยโดนผลกระทบอย่างมากอีกครั้งจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ทำให้เกิดการชะลอตัวมากที่สุดนับจากวิกฤติเศรษฐกิจไทยในปี 2540
ในภาพรวมของทิศทางตลาดที่อยู่อาศัย ต้องยอมรับว่าปี 2563 ตลาดมีการชะลออย่างมากตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อและความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยในตลาด แต่เชื่อว่าสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในปีนี้เป็นจุดต่ำสุดแล้ว และไม่น่าจะมีรุนแรงมากเมื่อเทียบกับช่วงปี 2540 
ทั้งนี้ การใช้มาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ครอบคลุมที่อยู่อาศัยทุก Segment  ราคา และ ทุกกลุ่ม คือบ้านที่ราคาสูงกว่า 3 ล้านบาท ที่สร้างเสร็จแล้วและอยู่ระหว่างการก่อสร้างซึ่งมีประมาณ 20% และครอบคลุมถึงบ้านมือสอง ซึ่งมีอยู่ถึง 40% ของการโอนกรรมสิทธิ์ โดยขยายเพดานลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ และจดจำนอง เหลือ 0.01% ควบคู่การใช้กับมาตรการในการปล่อยสินเชื่อแบบผ่อนคลายให้กับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่ออยู่จริงจะช่วยกระตุ้นตลาดได้อย่างดี
สำหรับประมาณการทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ปี 2563 และแนวโน้มปี 2564 คาดว่าครึ่งหลังปี 2563 จะมีที่อยู่อาศัยรอการขายจำนวน 185,993 หน่วย มีมูลค่าหน่วยเหลือขายจำนวน 937,703 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 193,415 หน่วย มีมูลค่าหน่วยหลือขายประมาณ 956,086 ล้านบาท ในครึ่งแรกปี 2564 ในขณะที่อัตราดูดซับต่อเดือนของบ้านจัดสร คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 2%ในครึ่งหลังปี 2563 และเพิ่มขึ้นเป็น 2.4%ในครึ่งแรกปี 2564 ส่วนอัตราดูดซับต่อเดือนของอคารชุดคาดว่าจะลดลงมาอยูที่ 1.7% ในครึ่งหลังปี 2563 และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.8% ในครึ่งแรกปี 2564
ส่วนการเคลื่อนไหวด้านการเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณการว่าจะยังคงลดลงต่อเนื่องโดยคาดว่าจะมีการเปิดโครงการใหม่ประมาณ 23,116 หน่วย ในครึ่งหลังปี 2563 และเปิดใหม่อีก 26,124 หน่วยในครึ่งแรกปี 2564 ในขณะที่จำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ ณ ครึ่งหลังปี 2563 คาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 75,752 หน่วย มูลค่า 187,971 ล้านบาท และหน่วยโอนกรรมสิทธิ์จะลดลงมาเหลือ 56,774 หน่วย มูลค่า 228,024 ล้านบาท ในครึ่งแรกปี 2564 ซึ่งประมาณการดังกล่าวอยู่ภายใต้ตัวแปรที่ยังไม่มีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง

logoline