svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าว

หลายหน่วยงานรุดช่วยหนุ่มกรีดยางถูกฟ้อง 97 ล้าน

21 ตุลาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผอ.บังคับคดีบุรีรัมย์ พร้อมผู้แทนหลายหน่วยงาน ลงพื้นที่ช่วยเหลือหนุ่มรับจ้างกรีดยางมีชื่อโผล่เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ จนถูกฟ้องล้มละลายเป็นหนี้กว่า 97 ล้าน เบื้องต้นได้บันทึกคำให้การส่งไปศาลล้มละลายกลาง เพื่อยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทที่ถูกฟ้อง คาดอาจทำเอกสารหายหรือมีมิจฉาชีพนำไปใช้ พร้อมฝากผู้นำหมู่บ้านเตือน ปชช.ระมัดระวังการใช้เอกสารส่วนตัว

(21ต.ค.63) ความคืบหน้ากรณีที่นายวิชิตร์ มนปราณีต อายุ 43 ปี ชาวอำเภอแคนดง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีอาชีพรับจ้างกรีดยาง ตัดอ้อยมีรายได้วันละ 300400 บาท ทั้งเป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนจากรัฐช่วยค่าครองชีพ ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังจู่ๆ มีหมายจากศาลล้มละลายกลางมาส่งถึงบ้าน โดยในหมายศาลดังกล่าวระบุว่า กรมสรรพากรเป็นโจทย์ฟ้อง นายวิชิตร์ มนปราณีต ในฐานะเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท"ภูเก็ต มอนติ คาโล จำกัด"ซึ่งเป็นบริษัทซื้อขาย เช่าซื้อ ขายฝากที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อื่น มีทุนจดทะเบียนถึง 200 ล้านบาท โดยศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยไว้เด็ดขาด เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2562 เนื่องจากบริษัทมีหนี้ค้างชำระตั้งแต่ปี 25612563 รวมกว่า 97 ล้านบาท นายวิชิตร์ ในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัทฯ ซึ่งเป็นจำเลย จึงมีหน้าที่ไปให้การเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของจำเลย ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 30 จึงมีหมายให้ท่านไปให้การสอบสวนเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สิน ณ กองบังคับคดีล้มละลาย 3 กรมบังคับคดี กรุงเทพมหานคร ภายใน 7 วัน นับแต่วันรับหมายนี้ ถ้าไม่ปฏิบัติตามหมายนี้อาจมีโทษทางอาญา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

หลายหน่วยงานรุดช่วยหนุ่มกรีดยางถูกฟ้อง  97 ล้าน

 ล่าสุดนางบุญญาภา เสนามนตรี ผอ.บังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์พร้อมด้วยผู้แทนสรรพากรพื้นที่ ผู้แทนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ปลัดอำเภอแคนดง และกำนันตำบลแคนดง ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านนายวิชิตร์ หนุ่มรับจ้างกรีดยางที่มีชื่อโผล่เป็นผู้ถือหุ้นส่วนบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่มีทุนจดทะเบียนถึง200ล้าน และถูกฟ้องล้มละลายเพราะมีหนี้ค้างชำระกว่า97ล้านบาท เพื่อสอบถามข้อมูลรายละเอียด และหาแนวทางช่วยเหลือ ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ทำบันทึกคำให้การของนายวิชิตร์ ที่บ้าน เพื่อส่งไปยังศาลล้มละลายกลาง โดยที่นายวิชิตร์ ไม่ต้องเดินทางไปให้การที่กองบังคับคดีล้มละลายกลาง กรุงเทพฯ ซึ่งนายวิชิตร์ ก็ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ว่าไม่เคยรู้จักกับบริษัทดังกล่าว และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับบริษัทเลยแต่ไม่รู้ว่ามีชื่อไปเป็นผู้ถือหุ้นได้ยังไง แต่ยอมรับว่าเมื่อปี2547เคยเดินทางไปทำงานรับจ้างที่กรุงเทพฯ แต่ไม่เคยไปเซ็นเอกสารให้ใคร จึงคาดว่าอาจจะทำสำเนาบัตรประชาชนหาย แล้วมีมิจฉาชีพนำไปใช้ ทางเจ้าหน้าที่จึงฝากให้ผู้นำหมู่บ้าน ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ลูกบ้านระมัดระวังเรื่องการนำบัตรประชาชน หรือเอกสารส่วนไปติดต่อทำเรื่องอะไรก็ต้องรอบคอบมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะนี้อีก
ด้านนายวิชิตร์ และภรรยา ก็บอกว่า หลังจากมีหน่วยงานราชการลงพื้นที่มาช่วยเหลือ และบันทึกคำให้การถึงที่บ้าน ก็รู้สึกสบายใจและคลายความกังวลมากขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้กินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะกลัวจะถูกจับหรือถูกยึดบ้านเพราะมีชื่อไปเป็นผู้ถือหุ้น ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับบริษัทดังกล่าวเลย และไม่รู้จะหาเงินค่าเดินทางที่ไหนไปกองบังคับคดีล้มละลายกลาง กรุงเทพฯ เพราะตนเองมีอาชีพแค่รับจ้างกรีดยาง ก็ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
logoline