"ในวันที่ผ่านไป เรื่องเล็กๆ ที่หลายคนอาจลืมเลือนพวกเขา กับเรื่องราวความเสียสละเพื่อชื่อเสียงของประเทศชาติ ที่เป็นความสุขของคนไทย แต่ด้วยเพราะพระบารมีในหลวง รัชกาลที่ 9 "พระมหากษัตริย์นักกีฬา พระราชาแห่งฟุตบอลเมืองสยาม" และในหลวง รัชกาลที่ 10 "เจ้าฟ้าดาราลูกหนัง" ทรงทำให้ประวัติศาสตร์ต่างๆ เหล่านี้ ได้กลับมาอีกครั้งในรอบ 100 ปี จึงเกิดมี "พิพิธภัณฑ์คณะฟุตบอลแห่งสยาม" ณ พระตำหนักทับแก้ว พระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม สถานที่เก็บรวบรวมสิ่งของและตำนานเล่าขานของฟุตบอลสยามประเทศ ทั้งนี้ยังความปลาบปลื้มและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ แก่คนวงการลูกหนัง โดยเฉพาะขุนพลทีมชาติไทยตราพระมหามงกุฎ ที่เรียกขานพระตำหนักนี้ว่า "บ้านหลังสุดท้าย" อันจะแสดงเกียรติประวัติวงศ์ตระกูลของตนเองและเกียรติภูมิของชาติด้านกีฬาฟุตบอล ที่จะไม่มีวันจางหายอีกต่อไป จากรุ่น สู่รุ่น ขอเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยความจงรักภักดี ขอทุกพระองค์ทรงพระเจริญ. #สายเลือดไทยหัวใจคือพระมหากษัตริย์ #สมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย"
จิรัฏฐ์ จันทะเสน อุปนายกสมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กับ " เนชั่น ทีวี " ว่า การโพสต์ข้อความดังกล่าว ในเฟซบุ๊ค เพจ https://www.facebook.com/footballthail/ หรือ "นักเลงฟุตบอล" กระทำในนามของสมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย เพราะด้วยพระมหากรุณาธิคุณของทั้ง 2 พระองค์ จึงทำให้พิพิธภัณฑ์คณะฟุตบอลแห่งสยาม สามารถดำเนินการ ในแง่ของการเป็นศูนย์กลางรวบรวมเรื่องราวของฟุตบอลไทย เพื่อเป็นแหล่งความรู้ให้กับผู้ที่สนใจ จนมาถึงปัจจุบัน การนำเสนอเรื่องนี้ ต้องการที่จะสะท้อนถึงมุมอีกด้าน ของพระมหากรุณาธิคุณของทั้ง 2 พระองค์ ที่มีต่อประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย ส่วนการใช้แฮทแทค " สายเลือดไทยหัวใจคือพระมหากษัตริย์ " ต้องการที่จะสืบสานประวัติความเป็นไทย นับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 จิรัฏฐ์ กล่าว