"ซินแสเข่ง" แนะปราบม็อบ รัฐต้องเด็ดขาด ไม่ประมาท
"ซินแสเข่ง" จับตาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ใน 24 ชั่วโมง แนะ รัฐบาลต้องเด็ดขาด ไม่ประมาทในการติดตาม ควบคุมความเคลื่อนไหวในวงจำกัด ต้องถอนราก ถอนโคนม็อบกลุ่มนี้ มิฉะนั้นจะลามปามถึงสถาบัน จากความร่วมมือของกลุ่มธนาธร
ซินแสเข่ง ให้จับตา ภายใน 24 ชั่วโมง ที่อาจจะมีเซอร์ไพรส์ ความสำคัญ เป็นเหคุการณ์ครั้งใหญ่ ในวันนี้ ถือเป็นช่วงจังหวะที่ มีผลกระทบต่อดวงเมือง อย่างรุนแรงที่สุด ที่รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องตัดสินใจที่จะต้องถอยหรือเดินหน้า
ซินแสเข่ง ยังระบุอีกว่า ตนเชื่อว่า กลุ่มนี้จะไม่หยุดแค่รัฐบาล แต่จะถอนรากถอนโคน ถึงสถาบันเบื้องสูงด้วยเช่นเดียวกัน และจากผู้มีบารมีอำนาจจากต่างแดน ร่วมกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และน.ส.พรรณิการ์ ช่อวานิช จับมือกันเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ในวาระจุดอ่อนของผู้นำ ที่อาจจะไม่สามารถแก้ไข สถานการณ์ได้ หรืออาจจะต้องทำเพื่อแบกมาด้วยชีวิตที่จะต้องปกป้อง สถาบันฯที่คนไทยรับไม่ได้กับการกระทำครั้งนี้
ซินแสเข่ง วิเคราะห์เพิ่มเติมว่า จากการที่รัฐบาล ที่ผ่านมาประมาทเกินไปในการติดตามและควบคุมสถานการณ์ที่จะบานปลาย ตั้งแต่มีคำพิพากษา ของนายธนาธร เดินสายเข้าสถานศึกษา ผ่านองค์กรสโมสร นักเรียนนักศึกษา มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เพื่อกำหนดจุดยุทธศาสตร์ เพื่อจ่ายเงินซื้อเบอร์เด็กปลุกปั่นผ่านทวิตเตอร์ เพื่อล้มประเทศ เพื่อแฉจุดด้อยของรัฐบาล โจมตีสถาบันฯ เพื่อล้มระบอบเดิม ทั้งที่ผ่านมาคนไทยนักเรียน นักศึกษา เคารพในสถาบันฯ มากที่สุด จุดนี้ทำให้ลุกลามถึงสถาบันครอบครัว พ่อแม่เด็กที่ส่งผลแตกแยกเพราะแรงยุแหย่เกิดขึ้น
จากที่ผ่านมาก็คงรู้กันอยู่แล้วว่า ประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์การค้า ที่ประเทศสหรัฐ มหาอำนาจต้องการเป็นเส้นทางๆ การค้าเพื่อปิดประเทศจีน จึงเป็นการสร้างอำนาจทางการเงินที่มีมาก เพื่อต้องการซื้อนักการเมืองที่ล้มเหลว ที่ประสพปัญหาในการบริหารประเทศ เพื่อล้มรัฐบาลไม่ใช่เหมือนกับการเปลี่ยนแปลงการปกครองของคณะราษฏร์ด้วยอุดมการณ์เมื่อปี 2475 แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อยึดอำนาจของกลุ่มการเมืองเพื่ออำนาจเงิน ที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติ ประกอบกับ ผู้หวังอำนาจในการปกครองทางการเมืองของผู้เสียอำนาจที่ผ่านมา
ซินแสเข่ง วิเคราะห์ ถึงจุดด้อยของรัฐบาล ที่มีผู้บริหารอยู่ในสถานการณ์ของชีวิตที่ดวงตก ที่จะต้องตัดสินใจว่า จะแลกด้วยตำแหน่ง หน้าที่ ให้เกิดความรุนแรงในการปราบปรามเหมือนใน ฮ่องกง ที่ไม่แข็งเกร็งจริง ผู้บริหารก็อยู่ไม่ได้ ฉะนั้นจะต้องแลกเพื่อให้รู้ว่าจะอยู่หรือจะไป เพราะเมื่อคนดวงตกด้วยกันมารบกัน มันก็ต้องแตกหักกันไปดีกว่าจะให้เสียไปถึงชาติ ศาสน์ กษัตริย์ สถาบันฯ ที่เคารพของคนไทยโดยไม่ต่อสู้
อย่างน้อยที่สุด รัฐบาลของ พล อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ต้องมีตัวสำรองไว้เพื่อโยนไม้ต่อ เพื่อไม่ให้เสียเอกราชของชาติไทย และคนที่จะมาล้มล้างรัฐบาลไทยก็ต้องอยู่ไม่ได้ เมื่อขาดหัวขาดผู้นำ ล้างจานด้วยเครื่องล้างจานที่ทันสมัยจะทำให้สอาดเร็วขึ้นและได้มาก ดีกว่าจะบ้างจานทีละใบ ที่ทำให้รัฐบาลเหนื่อย