เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 ต.ค.2563 ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่และนักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคพิมาย ช่วยกันเร่งนำทรายบรรจุใส่กระสอบ เพื่อนำไปวางเป็นแนวป้องกันน้ำริมแม่น้ำมูล ซึ่งอยู่ติดกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย เพื่อเตรียมพร้อมรับมือมวลน้ำจากอำเภอปักธงชัยที่ไหลลงสู่ลำน้ำสาขาและลงสู่ลำน้ำมูลผ่านตัวเมืองพิมาย ซึ่งอาจส่งผลทำให้สถานที่สำคัญๆ ได้รับผลกระทบจากมวลน้ำที่ไหลผ่าน ทำให้ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายหน่วยงานจึงต้องเร่งหาทางรับมือและป้องกันไว้แต่เนิ่น ๆ เนื่องจากน้ำที่จะไหลเข้าสู่เขตอำเภอพิมาย เป็นน้ำที่ไหลมาตั้งแต่อำเภอปักธงชัย ไหลลงสู่ลำพระเพลิง ก่อนจะไหลลงแม่น้ำมูลที่ อ.โชคชัย น้ำจากลำตะคลองไหลลงแม่น้ำมูล ที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ
ขณะที่น้ำจากลำเชียงไกร ไหลลงแม่น้ำมูลที่ อ.โนนสูง น้ำลำจักราช ไหลเข้าพิมายที่เขตรอยต่อ อ.จักราช ก่อนที่น้ำที่ไหลมาจากลำน้ำต่าง ๆทั้งหมดจะไหลลงมูลที่ อ.พิมาย ก่อนจะไหลต่อไปที่ อ.ชุมพวง อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา โดยระดับน้ำในแม่น้ำมูล ขณะนี้ เพิ่มขึ้นวันละ 1 ซม.
น.ส.อทิตยา ถิระโชติ ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการ รักษาการผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย กล่าวว่า แม้ขณะนี้จะยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่า มวลน้ำที่จะไหลเจ้ามายังเขตอำเภอพิมายจะมีปริมาณมากน้อยเพียงใด แต่เพื่อความไม่ประมาท ทางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย ก็จะต้องเตรียมพร้อมไว้ โดยขณะนี้ได้เร่งเสริมกระสอบทรายสูงประมาณ 60 ซม. ตลอดแนวลำแม่น้ำมูล เพื่อป้องกันน้ำที่อาจจะล้นเข้ามาบริเวณภายในพิพิธภัณฑ์ ขณะเดียวกันได้มีการเคลื่อนย้ายโบราณวัตถุไว้บนที่สูงเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าจะสามารถป้องกันผลกระทบจากมวลน้ำจะไหลมาในพื้นที่อำเภอพิมายได้
ขณะที่ข้อมูลจากโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทุ่งสัมฤทธิ์ สำนักงานชลประทานที่ 8 กรมชลประทาน มีการคาดการณ์ว่า มวลน้ำที่ไหลมาจากอำเภอปักธงชัย จะมาถึงพื้นที่อำเภอพิมายในอีก 2 สัปดาห์ โดยพิจารณาจากสถิติของทุกปีที่น้ำไหล ที่มวลน้ำจะฝายยางและประตูระบายน้ำต่าง ๆ ที่จะมีการตัดทอนน้ำเพื่อระบายน้ำออกไป จึงทำให้การไหลของน้ำจะเป็นลักษณะไหลตามลำน้ำปกติ ไม่ได้มาเป็นก้อนหรือมาในปริมาณมาก ๆ จนเกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลัน ซึ่งอัตราการไหลของน้ำในแม่น้ำมูลผ่านเขื่อนพิมายขณะนี้ อยู่ที่ 135 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งถือว่าปกติในฤดูน้ำมาก โดยได้มีการแขวนประตูระบายน้ำทั้งหมด 6 บาน ขึ้นแล้ว