"ฝ่ายค้าน"จี้นายกฯเสียสละลาออก-เลิกฉุกเฉินแก้วิกฤตชาติ

19 ตุลาคม 2563 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นำพรรคร่วมฝ่ายค้านแถลงจุดยืน ว่า หากรัฐบาลจริงใจ ต้องยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่มีความร้ายแรงทันที และปล่อยตัวแกนนำผู้ชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งสามารถทำได้ 

ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน กล่าวยืนยัน 2 เรื่องที่จะต้องดำเนินการต่อเนื่อง คือ จะต้องผลักดันให้มีการเปิดประชุมสภาวิสามัญให้ได้และต้องเร็ว เพราะมีแนวโน้มว่ารัฐบาลอาจจะดึงเวลา รวมถึงจะต้องให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ก็เห็นชอบด้วย ซึ่งต้องชี้ให้เห็นว่าการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไว้ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ยกเลิกไปจะดีกว่า 

นอกจากนี้ รวมถึงจะต้องปล่อยตัวแกนนำผู้ชุมนุม เพราะไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น มาตรการใดที่ออกมาโดยเฉพาะการจับกุม ยิ่งทำให้เพิ่มจำนวนผู้ชุมนุมมากขึ้น ทั้งนี้ ฝ่ายค้านขอให้คำยืนยันว่าสถานการณ์วันนี้รัฐบาล โดยเฉพาะ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องตัดสินใจด้วยตนเอง หากเสียสละลาออกทุกอย่างจะง่ายขึ้น ปัญหาที่ทุกคนวิตกว่าจะล่วงล้ำกล้ำกลืนจะเบาบางลง 

ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ต้องเร่งให้มีการเปิดสภาฯวิสามัญ เพื่อใช้เป็นกระบวนการหนึ่งในการแก้สถานการณ์บ้านเมือง เนื่องจากประชาชนไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ที่ถือเป็นศูนย์รวมของปัญหา ซึ่งขณะนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็อยู่ในกระบวนการของกรรมาธิการ (กมธ.) ที่ไม่เห็นความมุ่งมั่นที่จะแก้ไข ซึ่งนายกฯต้องพิจารณาถึงการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่มีชั้นต่ำกว่ารัฐธรรมนูญซึ่งให้สิทธิเสรีภาพของประชาชนไว้ 

ทั้งนี้ ยกตัวอย่างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อครั้งการชุมนุมของ กปปส. ถึง 6:3 ที่ชี้ว่าการชุมนุมถือเป็นสิทธิโดยชอบตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐบาล รวมถึงการใช้อำนาจไล่จับผู้ชุมนุม นำตัวไปควบคุมที่จ.ปทุมธานี แสดงให้เห็นชัดเจนว่านายกฯ ใช้อำนาจสั่งการให้ตำรวจมารักษาอำนาจของตัวเองมากกว่าประชาชน ดังนั้น การเปิดสมัยประชุมวิสามัญจึงเป็นช่องทางที่รัฐบาลจะแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า นอกจากการเปิดสมัยประชุมวิสามัญ เพื่ออภิปรายตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร แต่ควรนำวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามาพิจารณาด้วย การรับหลักการวาระที่ 1 ยังค้างอยู่ ซึ่งขอขยายไปอีก 15 วัน ยืนยันหากรัฐบาลมีความตั้งใจจริงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการคลี่คลายสถานการณ์และรัฐบาลสามารถทำได้ ซึ่งประธาน กมธ. ก็ยืนยันว่าในวันที่ 22 ต.ค. สามารถจบได้ ก็สามารถเสนอเข้าที่ประชุมทันปลายเดือนนี้ ต่อด้วยการลงมติรับหลักการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการคลี่คลายสถานการณ์ได้เป็นรูปธรรม 

อย่างไรก็ตาม เรียกร้องให้รัฐบาลยุติการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งถือเป็นรัฐประหารเงียบ วันนี้ (19ต.ค.) ใช้อำนาจไม่ต่างกับสถานการณ์หลังรัฐประหาร ทั้งสั่งเรียกบุคคล สั่งค้นสถานที่ กอร.ฉ. ก็ใช้อำนาจตรวจสอบการออกอากาศของสื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะต้องต่อต้านการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชน "หากยังไม่ยกเลิก ถือเป็นสัญญาณที่บอกว่าพล.อ.ประยุทธ์ หมดความชอบธรรมที่จะเป็นนายกฯ ท่านต้องพิจารณาตัวเอง ละเสียสละ พร้อมตั้งคำถามถึงพรรคร่วมรัฐบาล ว่าพวกท่านเห็นด้วยกับการลุแก่อำนาจของนายกรัฐมนตรีหรืออย่างไร ซึ่งหากไม่เห็นด้วยต้องมีจุดยืนชัดเจนที่ให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และหากไม่ยกเลิกผมขอเรียกร้องให้พรรคร่วมถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล" นายชัยธวัช กล่าว