svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

กมธ.พาณิชย์ฯชี้จัดซื้อถุงมือยางส่อผิดปกติ

15 ตุลาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กมธ.พาณิชย์ฯ ชี้การทำสัญญาชื้อขายถุงมือยางขององค์การคลังสินค้าผิดปกติ หวั่นหากดำเนินการต่อจะยิ่งเสียหาย และอาจมีการนำเข้าจากจีนมาสวมสิทธิ์ เตรียมเชิญ "ดีเอสไอ-ป.ป.ช.-ป.ป.ง.-สตง.-อสส." แจงสัปดาห์หน้า

16 ตุลาคม 2563 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า กมธ.ได้มีการพิจารณากรณีองค์การคลังสินค้า (อคส.) ทำสัญญาซื้อขายถุงมือยาง กับบริษัทเอกชน มูลค่า 112,500 ล้านบาท โดยครั้งนี้กมธ.ได้เชิญอดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส. และบริษัทคู่สัญญาที่จะซื้อจะขายถุงมือยางกับ อคส. มาให้ข้อมูลทั้งนี้ ทาง อดีตรักษาการฯ ผอ. อคส. ชี้แจงว่า สัญญาซื้อขายถุงมือยาง ที่ได้ดำเนินการไปนั้นได้ศึกษาแนวทางการทำสัญญาซื้อขายข้าวของ อคส. ประกอบกับข้อบังคับการจัดซื้อจัดจ้าง ของ อคส. ไม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงยึดตามพระราชกฤษฏีกาจัดต้ังองค์การคลังสินค้า พ.ศ. 2498 มาตรา 26 ที่ให้อำนาจเต็มกับผู้อำนวยการ อคส.ดำเนินการได้นายอัครเดช กล่าวต่อว่า การเซนต์สัญญา การอนุมัติวงเงิน และการวางเงินมัดจำ ได้ดำเนินการเองในฐานะประธานคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง โดยได้รับคำแนะนำจากประธานบอร์ดและเจ้าหน้าท่ีผู้ประสานบริษัทผู้ผลิตถุงมือยาง และยอมรับว่า ไม่ได้ดูรายละเอียดในสัญญาแต่ทำตามหน้าที่ หากจะบกพร่องก็ต้องยอมรับส่วนบริษัทคู่สัญญาซื้อขายถุงมือยาง กับอคส.เช่น บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ได้จดทะเบียน จัดต้ัง บริษัท มาเป็นเวลา 2 เดือน โดยมีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท และภายหลังได้เพิ่มทุน จดทะเบียนเป็น 2,500 ล้านบาท เป็นบริษัทจัดซื้อและจัดหา ไม่มีโรงงานผลิต ได้ส่งตัวแทน มาชี้แจงต่อกมธ.ซึ่งไม่มีอำนาจการตัดสินใจ กมธ.จึงไม่สามารถให้ชี้แจงได้ และอีก 5 บริษัท ที่ทำสัญญาซื้อถุงมือยางกับอคส.ได้ชี้แจงว่า กรณีที่เกิดข้ึน ทำให้เกิดความเสียหายทั้งชื่อเสียงบริษัทที่ขาดความน่าเชื่อถือ และต้องจ่ายโอนเงินคืนให้กับบริษัทคู่ค้า ที่ได้ทำสัญญาซื้อขายเป็นจำนวนมากอย่างไรก็ตาม โดยเฉพาะการส่งออกไปสหรัฐอเมริกาไม่สามารถทำได้อคส.ควรจะออกหนังสือชี้แจงเหตุผลในการระงับสัญญาในการซื้อขายให้กับบริษัทที่ได้ผลกระทบด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บริษัทท่ีจะซื้อถุงมือยางจาก อคส. ไม่ทราบเหตุผลการระงับการจัดซื้อไว้ก่อน แต่หาก อคส. จะดำเนินการต่อได้ก็พร้อมจะสานต่อเช่นกัน เพราะเป็นช่วงที่ตลาดยังมีความต้องการสูงแต่การผลิตไม่เพียงพอ



นายอัครเดช
กล่าวต่อว่า กมธ.ได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ คือ การทำนิติกรรมดังกล่าวน่าจะเป็นความผิดทางอาญาเพราะ อคส.นำเงินหลวงไปจ่ายมัดจำกับบริษัทเอกชน ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดปกติ ทำให้เกิดความเสียหายกับรัฐ และบริษัทท่ีเป็นคู่สัญญาซื้อขายก็ได้รับผลกระทบไปด้วย และบริษัทที่ทำสัญญาขายถุงมือยาง กับ อคส. ไม่มีโรงงานผลิตเอง แต่เป็นเรื่องของนายหน้าจัดหาให้กับ อคส. ซึ่งจำนวนถุงมือยางที่ซื้อขายกันมีจำนวน 500 ล้านกล่องนายอัครเดช กล่าวว่า ในขณะที่ความเป็นจริงถุงมือยางไม่มีอยู่จริงตามจำนวนที่ระบุในสัญญา หรือมีแต่ไม่เพียงพอ อีกทั้งการผลิตถุงมือยางควรให้เอกชนเป็นผู้ผลิต รัฐเป็นผู้ส่งเสริมหรือเป็นหน่วยงานกลาง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและควบคุมราคา แต่กรณีนี้หากให้ดำเนินการต่อจะยิ่งเกิดความ เสียหายเพิ่มมากขึ้น เพราะสินค้าไม่มีและอาจมีการนำสินค้าจากจีนมาสวมแทน

สำหรับกรณีนี้ ทางกมธ.จะได้ร่วมกับคณะอนุกมธ.ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานของศาล องค์กรอัยการ และรัฐวิสาหกิจ ติดตามเรื่องนี้ต่อไป โดยการประชุมครั้งหน้าจะเชิญ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ป.ป.ช. ปปง. สตง. สำนักงานอัยการสูงสุด และผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า เข้าร่วมประชุม

logoline