15 ตุลาคม 2563 สำนักวิจัย "ซูเปอร์โพล" นำเสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง "ความรู้สึกประชาชน กับม็อบ 14 ตุลาคม" กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยเป็นการวิจัยทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพต่อประชาชน 1,831 ตัวอย่าง ระหว่าง 14-15 ตุลาคม 2563
ผลสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 88.8 รู้สึกแย่ รับไม่ได้ กับม็อบที่อ้างประชาธิปไตยแล้วพาคนลงถนน โดยมีประชาชนเพียงร้อยละ 11.2 เท่านั้นที่บอกว่าไม่รู้สึกแย่เลย
เมื่อถามถึงความรู้สึกของประชาชนต่อพฤติกรรมของม็อบที่ละเมิดกฎหมาย และพฤติกรรมที่หยาบคาย คุกคาม จาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันหลักของชาติ ปรากฏว่ากลุ่มตัวอย่างถึงร้อยละ 95.4 และ 98.9 ย้ำว่ารู้สึกแย่ และรับไม่ได้เช่นกัน
นอกจากนั้น ประชาชนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 95.1 ยังมองว่าการกระทำของม็อบเป็นการซ้ำเติมวิกฤตเศรษฐกิจ และวิกฤตโควิด เพิ่มทุกข์ยากและความเดือดร้อนให้ประชาชนทั่วไป ขณะที่ประชาชนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 93.5 ไม่เห็นด้วยที่ผู้ชุมนุมใช้โซเชียลบริษัทข้ามชาติบิดเบือนข้อมูล สาดสี สร้างความแตกแยกให้กับคนในชาติ และทำลายความสงบสุขของคนไทย
ประชาชนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 96.5 ยังสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายกับคนที่กระทำผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด และเร่งทำให้บ้านเมืองกลับมาสงบสุขโดยเร็ว
นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นถึงความรู้สึกสะเทือนใจของประชาชนต่อภาพพฤติกรรมของม็อบที่ฝืนความรู้สึกและกระทบจิตใจของคนไทยส่วนใหญ่ ทั้งการคุกคาม หยาบคาย จาบจ้วงสถาบัน และซ้ำเติมวิกฤติเศรษฐกิจ รวมถึงโรคระบาด ถือว่าขาดความรับผิดชอบต่อสังคม
นายนพดล ยังฝากคำถามถึงแกนนำผู้ชุมนุมที่นำพาให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ว่า การบริหารม็อบที่ดียังทำไม่ได้ แล้วจะเข้ามาบริหารประเทศให้ดีได้อย่างไร